บิตคอยน์(BTC)ยังคงแนวโน้มขาขึ้น สวนทางกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เผชิญแรงกดดันจากปัญหาภาษีและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง โดยในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นถึง *11.7%* และเฉพาะใน 24 ชั่วโมงล่าสุดก็เพิ่มขึ้น *5.9%* ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มมองว่าบิตคอยน์สามารถทำหน้าที่เป็น ‘สินทรัพย์ปลอดภัย’ คล้ายกับทองคำในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน
นับตั้งแต่วันที่ 19 เมษายนเป็นต้นมา บิตคอยน์เพิ่มขึ้น *10.7%* ขณะที่ดัชนี S&P 500 และแนสแด็ก 100 กลับปรับตัวลดลง *5.25%* และ *4.27%* ตามลำดับ สถานการณ์นี้สะท้อน ‘ภาวะการแยกตัวออกจากตลาดหุ้น’ ของตลาดคริปโตที่เริ่มชัดเจนมากขึ้น โดยปัจจุบัน ค่าสหสัมพันธ์ของราคาบิตคอยน์กับ S&P 500 ในช่วง 30 วันอยู่ที่ *0.65* ซึ่งสะท้อนว่าการเคลื่อนไหวของสกุลเงินดิจิทัลเริ่มแยกออกจากตลาดการเงินแบบดั้งเดิมบางส่วน
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่หนุนให้เกิดแรงซื้อในตลาดคริปโต มาจากคำกล่าวของสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่ระบุว่า การปะทะทางภาษีกับจีนไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ในระยะยาว ซึ่งความเห็นนี้กระตุ้นให้นักลงทุนหันมามองหาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ(DXY) ร่วงลง *4.81%* ในเดือนนี้ โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ลดลงถึง *0.77%* ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ประธานาธิบดีทรัมป์เพิ่มแรงกดดันต่อเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ให้พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต อันเป็นที่รู้กันว่าการอ่อนค่าของดอลลาร์มักส่งเสริมให้ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้น โดยตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน ราคาบิตคอยน์ขยับขึ้นถึง *9.93%* มูลค่าล่าสุดอยู่ที่ *93,637.39 ดอลลาร์*
สิ่งที่น่าสนใจคือ บิตคอยน์เริ่มมีพฤติกรรมเคลื่อนไหวสอดคล้องกับทองคำมากขึ้น โดยราคาทองคำปรับตัวขึ้น *11.37%* ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน และเพิ่มขึ้น *2.83%* ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งคล้ายกับทิศทางของบิตคอยน์ ความเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนเริ่มยกให้บิตคอยน์เป็นทางเลือกในการ *ป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ* เช่นเดียวกับทองคำ ความคิดเห็นนี้อาจต่อยอดให้เกิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับบทบาทของคริปโตในฐานะสินทรัพย์เพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคต
ความคิดเห็น 0