ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยกลับมาอีกครั้ง หลังจากข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐในไตรมาสแรกหดตัวลง 0.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ตลาดตอบสนองอย่างรวดเร็ว โดยราคาบิตคอยน์(BTC) ร่วงลงไปถึง 92,910 ดอลลาร์ ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์(Dow Jones) และ S&P 500 ต่างลดลง 1% และ 1.3% ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังทำให้ความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าการหดตัวของ GDP ในครั้งนี้อาจเป็นผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น โดยเมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) CNBC รายงานว่า การนำเข้าสินค้ามากขึ้นของภาคธุรกิจซึ่งคาดการณ์ล่วงหน้าถึงนโยบาย ‘ภาษีศุลกากร’ ที่ประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมใช้ อาจเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะในเชิงโครงสร้าง GDP จะหักลบจากการขยายตัวของการนำเข้า ซึ่งทำให้การลดลงในครั้งนี้ไม่สามารถตีความว่าเป็นสัญญาณชะลอตัวแบบถาวรได้โดยตรง
หลังจากราคาร่วงลงอย่างรวดเร็ว บิตคอยน์(BTC) ได้ฟื้นตัวกลับมาเหนือระดับ 94,000 ดอลลาร์ โดยแรงซื้อในช่วงราคาต่ำดูเหมือนจะช่วยลดความวิตกของนักลงทุนทั้งในตลาดคริปโตและตลาดทุน ขณะเดียวกัน ความเห็นจากหลายฝ่ายยังชี้ว่าภาพรวมพื้นฐานของตลาดยังแข็งแรง และแรงซื้อบริเวณแนวรับยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิค บิตคอยน์ยังคงรักษาทิศทางเชิงบวก แม้จะมีแนวต้านที่แข็งแกร่งบริเวณ 95,000 ดอลลาร์ แต่ทิศทางของกราฟรายวันยังแสดงให้เห็นถึง ‘จุดสูงสุดและต่ำสุดที่ยกตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง’ ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อแนวโน้มโดยรวม โดยเฉพาะช่วงแนวต้านระหว่าง 95,500 ดอลลาร์ถึง 96,400 ดอลลาร์ ซึ่งตรงกับระดับการย้อนตัวของฟีโบนัชชี 61.8% ตลาดกำลังจับตามองพื้นที่นี้ในฐานะจุดเปลี่ยนสำคัญ
ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญหลายรายระบุว่า ปัจจัยที่มีผลในระยะสั้นเช่นความกลัวต่อความเสี่ยง (De-risk) อาจไม่มีผลมากนักหากเทียบกับการตีความข้อมูลทางเศรษฐกิจมหภาค (Macro) และการเปลี่ยนแปลงนโยบายของภาครัฐ โดยเฉพาะในประเด็นด้านอัตราดอกเบี้ยและทิศทางนโยบายภาษีของรัฐบาลทรัมป์ ที่จะกลายเป็นตัวชี้วัดสำคัญของทิศทางตลาดในระยะกลางถึงยาว
ความคิดเห็น 0