หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของการซื้อขายบิตคอยน์(BTC) คือการใช้ ‘คำสั่งตัดขาดทุนอัตโนมัติ (Stop-Loss)’ และ ‘คำสั่งทำกำไรล่วงหน้า (Take-Profit)’ อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องมือทั้งสองนี้มีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงจากการขาดทุน และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาดคริปโตที่เคลื่อนไหวรวดเร็ว เพียงตั้งค่าล่วงหน้าบนแพลตฟอร์มการซื้อขาย ก็สามารถดำเนินการซื้อขายอัตโนมัติตามราคาที่กำหนดไว้ โดยไม่ต้องพึ่งพาอารมณ์ขณะเทรด
แม้แนวคิดนี้จะมีใช้มาก่อนแล้วในตลาดฟอเร็กซ์และตลาดหุ้น แต่เมื่อบิตคอยน์ถือกำเนิดขึ้นในปี 2009 และเริ่มมีการซื้อขายอย่างคึกคักในแพลตฟอร์มต่าง ๆ กลยุทธ์นี้ก็ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงราคาที่ผันผวนของบิตคอยน์ยิ่งตอกย้ำความสำคัญของการใช้คำสั่งอัตโนมัติดังกล่าว
ในช่วงต้นทศวรรษ 2010 เมื่อบิตคอยน์เริ่มเป็นที่สนใจ การใช้คำสั่งตัดขาดทุนมักยังเป็นแบบ ‘แมนนวล’ คือต้องกดขายเองเมื่อราคาตก แต่ปัจจุบันแพลตฟอร์มชั้นนำอย่าง ไบแนนซ์, คอยน์เบสโปร และคราเคน ต่างรองรับฟีเจอร์คำสั่งอัตโนมัติ พร้อมการทำงานร่วมกับอัลกอริธึมขั้นสูง ช่วยให้สามารถวางแผนกลยุทธ์การเทรดเชิงลึกได้แม้ในสภาวะตลาดที่ผันผวนสูง
ตัวอย่างที่พบได้บ่อยคือ หากผู้ลงทุนซื้อบิตคอยน์ที่ราคา 90,000 ดอลลาร์ และตั้งค่าตัดขาดทุนไว้ที่ 85,000 ดอลลาร์ เมื่อราคาลงถึงจุดนั้น ระบบจะขายอัตโนมัติทันทีเพื่อจำกัดความเสียหาย ในทางกลับกัน ถ้าใช้คำสั่งทำกำไรล่วงหน้าที่ระดับ 95,000 ดอลลาร์ ก็สามารถล็อกกำไรได้แม้ไม่ได้เฝ้าหน้าจอ ‘การบริหารความเสี่ยง’ ดังกล่าว ไม่เพียงแค่ช่วยจำกัดกำไรขาดทุนในระยะสั้น แต่ยังเป็นเสาหลักในการวางกลยุทธ์ระยะยาวอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม คำสั่งอัตโนมัติเหล่านี้ก็ไม่ได้ไร้ข้อบกพร่อง ปัญหาอย่างอัตราการซื้อขายต่ำ ช่องว่างราคา หรือความล่าช้าของเซิร์ฟเวอร์ อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการสั่งซื้อ-ขายจริง แต่ถึงอย่างนั้น สำหรับนักลงทุนรายย่อยที่ไม่สามารถเฝ้าตลาดได้ตลอด 24 ชั่วโมง มันคือเครื่องมือที่ให้ ‘ความอุ่นใจทางจิตใจ’ ระดับหนึ่ง
ความผันผวนของบิตคอยน์ยังคงเป็นแรงผลักสำคัญ ตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ปีที่ผ่านมา ราคาได้ร่วงจาก 103,853 ดอลลาร์ลงสู่ 92,251 ดอลลาร์ในเวลาอันสั้น กลายเป็น ‘แฟลช แครช’ ที่ทำให้ผู้ไม่ตั้งค่าตัดขาดทุนสูญเสียหนัก หากมีคำสั่งทำกำไรล่วงหน้าไว้ ในช่วงดีดกลับ นักลงทุนก็อาจได้กำไรแม้กำลังหลับอยู่ก็ตาม
ด้วยความที่ตลาดบิตคอยน์เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง และไม่มีวันหยุด ตัวช่วยอย่างคำสั่งซื้อขายอัตโนมัติจึงตอบโจทย์ความเป็นจริงในชีวิตของนักลงทุน ซึ่งไม่สามารถจ้องตลาดได้ตลอดเวลา แถมยังช่วยหยุดยั้งอารมณ์ เช่น ความกลัวหรือความโลภ ที่อาจทำลายแผนการลงทุน
แม้ว่ารูปแบบการตั้งค่าของแต่ละแพลตฟอร์มจะแตกต่างกันบ้าง แต่ขั้นตอนพื้นฐานก็คล้ายกัน เริ่มด้วยการเลือกแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ โดยพิจารณาจากค่าธรรมเนียม ความปลอดภัย และปริมาณการซื้อขาย จากนั้นเลือกคู่เหรียญเช่น BTC/USD เปิดสถานะซื้อขาย และตั้งค่าราคาเป้าหมายในช่องคำสั่งตัดขาดทุนหรือทำกำไรให้เรียบร้อย
การเริ่มต้นพัฒนา ‘กลยุทธ์การซื้อขายอัตโนมัติ’ เริ่มจากจุดนี้ แต่แค่ตั้งไประบบไม่พอ ผู้เทรดยังคงต้องหมั่นติดตามทิศทางตลาด ปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์ และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ ความสำเร็จในตลาดคริปโตไม่ได้มาจากโชคหรืออารมณ์ แต่คือผลลัพธ์จาก ‘แผนการอย่างเป็นระบบและการควบคุมตนเอง’ เกมของข้อมูลและการตัดสินใจเท่านั้นที่จะอยู่รอดในโลกที่ไม่หยุดนิ่งนี้.
ความคิดเห็น 0