บิตคอยน์(BTC) ยังคงเผชิญอุปสรรคสำคัญก่อนจะสามารถทำสถิติราคาสูงสุดใหม่ได้ในปีนี้ โดยล่าสุด ทิโมธี ปีเตอร์สัน นักวิจัยและผู้เขียนด้านบิตคอยน์ ได้แสดงความกังวลผ่านบทวิเคราะห์ถึงปัจจัยเสี่ยงที่อาจขัดขวางแนวโน้มขาขึ้นของราคาบิตคอยน์
แม้ว่าปีเตอร์สันจะยังมองในแง่ดีว่าบิตคอยน์อาจพุ่งแตะระดับ 135,000 ดอลลาร์ภายใน 3 เดือนข้างหน้า แต่เขาเตือนว่าปัจจัยหลายอย่างยังอาจสร้างแรงกดดันต่อราคาตลาด
หนึ่งในปัจจัยหลักคือ ‘ภาวะจิตวิทยาการลงทุน’ ที่ยังคงอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนกำลังอยู่ในแนวโน้มขาลง ขณะที่ดัชนี AAII ชี้ว่ามีนักลงทุนเพียง 20% ที่คาดว่าตลาดจะเป็นขาขึ้น เมื่อเทียบกับ 60% ที่มองว่าตลาดจะเป็นขาลง แสดงถึงความแตกต่างของมุมมองอย่างชัดเจน
ในขณะที่ดัชนีการเปิดรับหุ้นของ NAAIM อยู่ที่ราว 60% แม้จะดูเหมือนไม่เลว แต่ก็ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงตลาดกระทิงซึ่งโดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 80%
ปัจจัยที่สองคือ ‘นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)’ ปัจจุบันตลาดได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้งภายในปี 2025 ซึ่งความคาดหวังนี้ได้กลายเป็นแรงสนับสนุนให้ราคาสินทรัพย์รวมถึงบิตคอยน์ปรับตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากเฟดกลับลำ ไม่ปรับลดดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาด การเปลี่ยนแปลงในทิศทางนโยบายอาจส่งผลลบอย่างรุนแรงต่อ 'สภาพคล่อง' และ 'ความต้องการความเสี่ยง' ซึ่งมีผลโดยตรงต่อสินทรัพย์อย่างบิตคอยน์ ปีเตอร์สันจึงเชื่อว่าโมเมนตัมของราคาบิตคอยน์อาจชะลอลง หรือแย่กว่านั้นคือเข้าสู่ช่วงปรับฐาน
ปัจจัยสุดท้ายคือ ‘ความเสี่ยงมหภาคที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้’ เช่น เหตุการณ์ทางนิวเคลียร์ การก่อการร้ายต่อโครงสร้างพื้นฐานหลัก ระบบการเงินถูกโจมตีทางไซเบอร์ การระบาดของโรคครั้งใหม่ หรือภัยธรรมชาติระดับรุนแรง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการขายครั้งใหญ่ ปิดกั้นการเข้าถึงตลาดชั่วคราว และสร้างแรงสั่นสะเทือนแก่ตลาดคริปโต
สำหรับบิตคอยน์ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยล่าสุดราคาลดลงต่ำกว่า 93,750 ดอลลาร์ในคืนวันจันทร์ และขยับขึ้นมาทดสอบระดับ 95,000 ดอลลาร์ในตลาดเอเชียช่วงวันอังคาร ตามข้อมูลจาก CoinGecko บิตคอยน์ล่าสุดเคลื่อนไหวที่ระดับ 94,380 ดอลลาร์
ความคิดเห็น 0