จากการวิเคราะห์ล่าสุดของบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชนคริปโตควอนต์(CryptoQuant) พบว่า *คูคอยน์(KuCoin)* สูญเสียบิตคอยน์(BTC) จากคลังของตนไปถึง *77.6%* ภายในระยะเวลาไม่ถึงสองปี โดยข้อมูลเผยว่า ตั้งแต่มีการบังคับใช้มาตรการ *ยืนยันตัวตนลูกค้า (KYC)* อย่างเข้มข้นในเดือนมิถุนายน 2023 บิตคอยน์กว่า *14,200 เหรียญ* ได้ถูกโอนออกจากแพลตฟอร์มไปแล้ว
คูคอยน์เริ่มใช้มาตรการ KYC กับผู้ใช้งานทุกคนตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 และนับแต่นั้น ปริมาณบิตคอยน์ที่แพลตฟอร์มถือครองก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง จากกว่า *18,300 เหรียญ* เหลือเพียง *4,100 เหรียญ* ในปัจจุบัน นักวิเคราะห์จาก Onchain School ในเครือของคริปโตควอนต์ชี้ว่า การลดลงในระดับนี้เป็นสิ่งที่สะท้อนถึง “*ความเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง*” ของพฤติกรรมผู้ใช้งาน และมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับนโยบาย KYC ของแพลตฟอร์ม
รายงานยังระบุว่า แม้ในช่วงปีที่ผ่านมา ปริมาณบิตคอยน์ที่ถือครองโดยแพลตฟอร์มเทรดทั่วโลกจะมีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตาม *คูคอยน์มีการไหลออกของสินทรัพย์ที่รุนแรงกว่ามาก* ซึ่งถือว่า ‘แตกต่างอย่างชัดเจน’ เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งรายอื่น
นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา คูคอยน์ยังเผชิญกับกระแสข่าวเรื่องการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก รวมถึงปัญหาด้านกฎหมายในสหรัฐฯ ที่ทำให้ต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงิน ‘หลายล้านดอลลาร์’
ตรงกันข้าม *ไบแนนซ์(Binance)* กลับยังสามารถรักษาและขยายส่วนแบ่งตลาดของตนได้ แม้จะเจอกับประเด็นด้านกฎหมายหลายครั้ง รวมถึงการลาออกของซีอีโอ *จ้าว ฉางเผิง* และการชำระเงินค่าปรับขนาดมหาศาลให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม จำนวนบิตคอยน์ที่ไบแนนซ์ถือครองยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และในปัจจุบันคิดเป็น *23%* ของบิตคอยน์ทั้งหมดที่อยู่ในแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ทั่วโลก
*ความคิดเห็น*: แนวโน้มการไหลออกของบิตคอยน์จากกระดานเทรดอาจสะท้อนถึงความต้องการความเป็นส่วนตัวและการควบคุมสินทรัพย์ของผู้ใช้งาน แต่ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับคูคอยน์อาจบ่งชี้ถึงปัญหาที่ลึกซึ้งกว่าระดับนโยบายทั่วไป
ความคิดเห็น 0