นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่านโยบายการเงินแบบเข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กำลังขัดขวางการเติบโตของราคาบิตคอยน์(BTC)
เมื่อวันที่ 24 นักเศรษฐศาสตร์ ทิโมธี ปีเตอร์สัน(Timothy Peterson) ได้แสดงความคิดเห็นผ่าน X (เดิมคือ Twitter) ระบุว่า Fed กำลังดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างเข้มงวดเกินไป และอาจเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ส่งผลร้ายต่อทั้งเศรษฐกิจสหรัฐฯ และศักยภาพของบิตคอยน์(BTC)
ปีเตอร์สันให้ความเห็นว่า ‘การลดปริมาณเงินในระบบอย่างรุนแรง’ ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะเงินฝืด พร้อมชี้ว่าการลดลงของราคา การบริโภคที่ถดถอย และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ล้วนเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังอ่อนแอลง
เขาวิจารณ์ว่า ‘Fed ยังไม่ตระหนักว่าปัญหาที่แท้จริงคือการใช้นโยบายของตนเอง’ และอธิบายเพิ่มเติมว่า สาเหตุของภาวะเศรษฐกิจที่ตึงตัวในปัจจุบันเกิดจากการที่เม็ดเงินในตลาดหายไปจำนวนมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภค
แม้อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ จะยังต่ำเพียง 4.2% แต่ผลสำรวจล่าสุดจาก LendingTree เผยว่า สัดส่วนของชาวอเมริกันที่ใช้สินเชื่อแบบผ่อนจ่าย (BNPL) ในการซื้อของกินของใช้เพิ่มขึ้นจาก 14% ในปีที่แล้ว เป็นมากกว่า 25% ในปีนี้ ปีเตอร์สันระบุว่า ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่าผู้คนจำนวนมากยังคงเผชิญ ‘ความยากลำบากทางเศรษฐกิจ’ แม้ดูเหมือนว่าตัวเลขการจ้างงานจะดี
ในด้านของราคาบิตคอยน์(BTC) ปีเตอร์สันเชื่อว่าหาก Fed สามารถบริหารนโยบายให้เกิด ‘soft landing’ ได้อย่างแท้จริง ราคาบิตคอยน์(BTC) อาจสูงกว่าปัจจุบันถึง 30–50% แต่ด้วยนโยบายที่ใช้อยู่ในขณะนี้ จึงกลายเป็นตัวจำกัดการเติบโตของคริปโตเบอร์หนึ่ง
ท้ายที่สุดเขาเตือนว่าผลกระทบจากความผิดพลาดด้านนโยบายอาจส่งผลยาวนานทั้งต่อเศรษฐกิจโดยรวมและตลาดคริปโต โดยแนะนำว่านักลงทุนควรตัดสินใจอย่างรอบคอบและเลือกลงทุนอย่างเหมาะสม
ความคิดเห็น 0