อีเธอเรียม(ETH) และระบบนิเวศเลเยอร์ 2 ที่เกิดขึ้นถูกยกให้เป็นแนวทางสำคัญในการขยายขีดความสามารถของบล็อกเชน แต่ในช่วงหลังมีความกังวลจากผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มว่า ความสำเร็จที่มากเกินไปของเลเยอร์ 2 อาจส่งผลเสียต่อเมนเน็ตของอีเธอเรียมโดยตรง
เมื่อวันที่ 24 ในงานประชุม Cornell Tech Blockchain Conference ผู้เชี่ยวชาญได้แสดงความเห็นว่า แม้เลเยอร์ 2 จะช่วยลดความแออัดของเมนเน็ตและลดค่าธรรมเนียมแก๊สได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ทำให้เกิดการ *ถอนกิจกรรมและรายได้จากค่าธรรมเนียม* ออกจากเมนเน็ตของอีเธอเรียม โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมเชิงกลยุทธ์อย่าง ‘sequencing fee’ ซึ่งสามารถกลายเป็นแหล่งรายได้หลักกลับถูกคว้าไปโดยโปรเจกต์เลเยอร์ 2 แทน
เดวิด ฮอฟฟ์แมน(David Hoffman) ผู้ร่วมก่อตั้งสื่อคริปโตอย่าง แบงค์เลส(Bankless) เผยว่า “ผมได้ยินคนจากภายในมูลนิธิอีเธอเรียมบอกว่า *พวกเราทำตัวเหมือนอยู่ในหอคอยงาช้างและตัดสินใจผิดพลาดไปหลายจุด*” พร้อมทั้งระบุว่าตอนนี้ถึงเวลาที่มูลนิธิต้องโฟกัสกับ *การปฏิบัติจริงในระบบนิเวศและสร้างโครงสร้างรายได้ที่ยั่งยืน*
การตั้งคำถามต่อบทบาทของเลเยอร์ 2 แสดงให้เห็นชัดว่า ทั้งในชุมชนและภายในมูลนิธิเริ่มตระหนักถึงผลกระทบเชิงลึกจากการขยายตัวของโรลอัปอย่างโพลิกอน(Polygon) หรืออาร์บิทรัม(Arbitrum) หากอีเธอเรียมยังปล่อยให้เลเยอร์ 2 ครองช่องทางรายได้ต่อไปโดยไม่มีการแทรกแซง อาจกระทบต่อ *ศักยภาพการอยู่รอดระยะยาว* ของเมนเน็ตเอง
แม้เลเยอร์ 2 จะยังคงมีบทบาทหลักด้านการรองรับการใช้งานปริมาณมาก แต่ *ความสมดุลในด้านรายได้* ระหว่างเมนเน็ตกับเครือข่ายย่อยกลายเป็นประเด็นใหม่ที่ต้องติดตาม ความชัดเจนว่า มูลนิธิอีเธอเรียมจะเลือก *ถือบทบาทผู้นำเชิงเศรษฐกิจ* และนิยามกลยุทธ์ต่อเลเยอร์ 2 อย่างไร จึงเป็นประเด็นที่ทั่วทั้งวงการจะจับตาในระยะต่อไป
ความคิดเห็น 0