สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรถอยห่างจากข้อตกลงจริยธรรม AI ระดับนานาชาติ
เมื่อวันที่ 10-11 ที่ผ่านมา (เวลาท้องถิ่น) ‘AI Action Summit’ จัดขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการพัฒนา AI อย่างมีจริยธรรมและครอบคลุม อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรตัดสินใจไม่ลงนามในแถลงการณ์ร่วมตามรายงานของ Decrypt
ฝ่ายสหรัฐฯ ให้เหตุผลว่าการกำกับดูแล AI อย่างเข้มงวดอาจเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า "การกำกับดูแล AI อย่างเข้มงวดเกินไปอาจขัดขวางความก้าวหน้าของเทคโนโลยี" และเน้นว่าสหรัฐฯ ต้องการให้ภาครัฐเข้ามาแทรกแซงให้น้อยที่สุด พร้อมกับยืนยันว่า "AI ควรมีเสรีจากอคติทางอุดมการณ์ และไม่ควรกลายเป็นเครื่องมือเซ็นเซอร์ของรัฐบาล"
ด้านสหราชอาณาจักร การตัดสินใจไม่ลงนามในข้อตกลงครั้งนี้มาจากความแตกต่างของแนวทางการกำกับดูแล AI ของประเทศกับข้อตกลงดังกล่าว โดยมีรายงานว่า บางข้อกำหนดในข้อตกลงนี้ขัดแย้งกับนโยบายของสหราชอาณาจักรเมื่อเปรียบเทียบกับ ‘AI Safety Summit’ ที่จัดขึ้นในประเทศเมื่อปี 2023
การประชุมครั้งนี้มีตัวแทนจากกว่า 100 ประเทศเข้าร่วม และมี 60 ประเทศลงนามในแถลงการณ์ร่วม ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการจัดตั้งแพลตฟอร์มและศูนย์บ่มเพาะ AI เพื่อประโยชน์สาธารณะ รวมถึงการจัดตั้งสถาบันวิจัยเพื่อติดตามผลกระทบของ AI ต่อแรงงานและการเปลี่ยนแปลงของตลาดงาน
รัสเซลล์ โวลด์ นักวิเคราะห์จากศูนย์วิจัย AI เชิงมนุษย์แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ให้ความเห็นว่า "สหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนทิศทางนโยบาย AI โดยเน้นไปที่นวัตกรรมมากกว่าความปลอดภัย" พร้อมเสริมว่า "สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับโอกาสทางเทคโนโลยีก่อนเป็นอันดับแรก และมองว่ากฎระเบียบด้านความปลอดภัยอาจเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม AI"
ขณะเดียวกัน สหภาพยุโรป(EU) ได้ดำเนินนโยบายกำกับดูแล AI อย่างครอบคลุมภายใต้ ‘กฎหมาย AI ของสหภาพยุโรป’ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว โดยให้ความสำคัญกับการใช้ AI อย่างมีจริยธรรมและเพื่อประโยชน์สาธารณะ แต่เนื่องจากสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรเลือกที่จะไม่เข้าร่วมข้อตกลงในครั้งนี้ ทำให้แนวทางการกำกับดูแล AI ระดับโลกมีแนวโน้มแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศมากขึ้น
ความคิดเห็น 0