ท่ามกลางความตึงเครียดในการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ความเห็นล่าสุดของประธานาธิบดีทรัมป์ดึงดูดความสนใจของตลาดอีกครั้ง โดยเขากล่าวว่า *“เรากำลังแซงหน้าจีน”* พร้อมย้ำถึงความได้เปรียบของสหรัฐในวงการสกุลเงินดิจิทัล
ตามรายงานเมื่อวันที่ 24 สถานการณ์การเจรจาการค้าระหว่างจีนและเกาหลีใต้ที่ยังไม่มีข้อสรุป กลับถูกบดบังด้วยคำแถลงของทรัมป์ ทำให้ตลาดหันมาโฟกัสที่สมรภูมิใหม่อย่าง *คริปโตเคอเรนซี* ซึ่งกลายเป็นเครื่องมือทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสองมหาอำนาจ
ข้อมูลล่าสุดระบุว่าสหรัฐกำลังถือครอง *บิตคอยน์(BTC)* มากถึง 198,000 เหรียญ ในขณะที่จีนถือครองประมาณ 190,000 เหรียญ โดยฝั่งจีนแม้จะดำเนินนโยบายกวาดล้างเหมืองขุดบิตคอยน์อย่างเข้มงวด แต่ยังคงเป็นผู้นำด้านการผลิตฮาร์ดแวร์แบบ ASIC ซอฟต์แวร์สำหรับเหมืองขุด และโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายบิตคอยน์ แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการรักษาอิทธิพลภายในระบบ
ขณะที่สหรัฐใช้กลยุทธ์ต่างออกไป ด้วยการยึดครองบิตคอยน์ผ่านกรณีต่างๆ เช่น การปิดตลาดมืด Silk Road และการตามกอบกู้เหรียญจากเหตุการณ์แฮ็ก ก่อนจะนำมาบริหารจัดการเสมือนเป็นทองคำดิจิทัลสำรองของประเทศ
ข้อตกลงล่าสุดที่ทั้งสองประเทศบรรลุเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการภาษี ส่งผลบวกต่อภาพรวมตลาดคริปโต โดยสหรัฐปรับลดอัตราภาษีจาก 145% เหลือ 30% ส่วนจีนลดเหลือ 10% จากเดิม 125% ทำให้ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อลดลง และเพิ่มความเป็นไปได้ที่ *เฟด* อาจพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
*บิตคอยน์* พุ่งทะลุระดับ 104,000 ดอลลาร์, *อีเธอเรียม(ETH)* แตะ 2,500 ดอลลาร์ และ *โดจคอยน์(DOGE)* ก็แสดงทิศทางเชิงบวก สะท้อนความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุน
“ความคิดเห็น” ผู้เชี่ยวชาญต่างมองว่าการเปิดโต๊ะเจรจาต่อเนื่องและความมีเสถียรภาพในความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐ น่าจะช่วยหนุนบรรยากาศเชิงบวกในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโตต่อไปอีกระยะ
ความคิดเห็น 0