บิตคอยน์(BTC) กลับมาแซงมูลค่าตลาดรวมของบริษัทอัลฟาเบต(GOOGL) บริษัทแม่ของกูเกิลอีกครั้ง ท่ามกลางราคาที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา และในขณะนี้ ‘บิตคอยน์’ มีแนวโน้มที่จะแซงหน้าอเมซอน(AMZN) ด้วยเช่นกัน ตอกย้ำสถานะของบิตคอยน์ในฐานะหนึ่งในสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกคริปโต
เมื่อไม่นานนี้ บิตคอยน์พุ่งแตะระดับ 115,870 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.54 ล้านบาท) บนแพลตฟอร์มซื้อขายบิตสแตมป์(Bitstamp) ซึ่งทำให้สามารถต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกในแง่ของ ‘มูลค่าตลาด’ ได้ ถือเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่า ‘การยอมรับในวงกว้าง’ และ ‘ความสนใจจากสถาบันลงทุน’ กำลังกลับมาอย่างเห็นได้ชัด
ขณะนี้ บริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลกคือ ไมโครซอฟท์(MSFT) ด้วยยอดรวมประมาณ 3.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,865 ล้านล้านบาท) โดยได้รับแรงหนุนจากเทคโนโลยี AI ที่มาแรง ขณะที่เอ็นวีเดีย(NVDA) รั้งตำแหน่งเบอร์ 2 ด้วยมูลค่า 3.47 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,825 ล้านล้านบาท) และแอปเปิล(AAPL) อยู่อันดับ 3 ด้วยมูลค่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,170 ล้านล้านบาท)
ในทางกลับกัน บิตคอยน์ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 2,927 ล้านล้านบาท) ซึ่งเทียบเท่ากับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ได้อย่างสมศักดิ์ศรี ‘ความคิดเห็น’ ของนักเทรดคริปโตชื่อดัง บ็อบ ลูคัส(Bob Loukas) ระบุว่า “เมื่อเทียบกับความสนใจและอิทธิพลระดับโลกของบิตคอยน์ มูลค่าปัจจุบันยังถือว่าต่ำกว่าศักยภาพจริง”
บรรดาสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง โกลด์แมน แซคส์ และ ฟิเดลิตี ก็เริ่มหันมาให้ความสนใจกับบิตคอยน์ในระยะยาว โดยเฉพาะฟิเดลิตีมองว่า บิตคอยน์มีศักยภาพที่จะเหนือกว่าทองคำในแง่ของมูลค่าตลาด โดยในปัจจุบัน ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกอยู่ที่ราว 22.6 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 31,414 ล้านล้านบาท)
ไมค์ โนโวกราตซ์(Mike Novogratz) ซีอีโอของบริษัทกาลักซีดิจิทัล(Galaxy Digital) แสดง ‘ความมั่นใจ’ ว่า “ภายใน 5 ปีข้างหน้า บิตคอยน์มีโอกาสแซงหน้าทองคำได้” ส่วนอดัม แบ็ค(Adam Back) ซีอีโอของบล็อกสตรีม(Blockstream) กล่าวเสริมว่า การทะยานขึ้นของบิตคอยน์รอบนี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม และชี้ว่าศักยภาพการเติบโตยังคงเปิดกว้าง
การที่บิตคอยน์สามารถแซงหน้ามูลค่าตลาดของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างอัลฟาเบต ถือเป็น ‘สัญลักษณ์’ ว่ามันไม่ได้เป็นเพียงคริปโตเคอร์เรนซีอีกต่อไป แต่กำลังก้าวเข้าสู่การเป็นศูนย์กลางของสินทรัพย์การลงทุนระดับโลก สิ่งที่ต้องติดตามต่อไปคือ ความสามารถในการรับมือกับความผันผวนของตลาด และความยั่งยืนในการเติบโตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ความคิดเห็น 0