ชายวัย 20 ปีในอิสราเอลถูกจับกุมฐานส่งข้อมูลลับให้แก่เจ้าหน้าที่ของอิหร่าน โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของ *คริปโตเคอร์เรนซี* ในสงครามข่าวกรองที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ พร้อมจุดประเด็นถึงความเสี่ยงของ *ความมั่นคงแห่งชาติ* ที่อาจเกิดจากการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ง่าย
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) ตามรายงานจากสื่อท้องถิ่น ชายวัย 27 ปีจากเทลอาวีฟได้ติดต่อกับองค์กรข่าวกรองของอิหร่านเป็นเวลาหลายเดือน และได้รับภารกิจหลากหลาย เช่น การถ่ายภาพบ้านของเจ้าหน้าที่รัฐ องค์กรทางทหาร และการพ่นกราฟฟิตีที่มีเนื้อหาชี้นำ ซึ่งทั้งหมดอาจถือเป็น *ปฏิบัติการด้านจิตวิทยา (Psychological Warfare)* ไม่ใช่แค่การสอดแนมหาข้อมูลพื้นฐาน
เจ้าหน้าที่ระบุว่า เขาได้รับ *คริปโตเคอร์เรนซี* เป็นค่าตอบแทน มูลค่าหลายพันดอลลาร์ แม้จำนวนที่แน่ชัดจะไม่เปิดเผย แต่ลักษณะของการใช้ *สินทรัพย์ดิจิทัล* ในการโอนค่ายังชีพทำให้ *การติดตามเส้นทางเงินเป็นเรื่องยาก* ซึ่งถือเป็นอุปสรรคต่อเจ้าหน้าที่ที่พยายามสอบสวนขยายผล
ทางการอิสราเอลได้เข้าตรวจค้นบ้านของผู้ต้องหา พร้อมยึดคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งภายในพบบันทึกข้อความและภารกิจที่ติดต่อกับเจ้าหน้าที่จากฝั่งอิหร่าน โดยศาลท้องถิ่นในเทลอาวีฟอนุญาตให้ขยายเวลาการควบคุมตัวผู้ต้องหาจนถึงวันที่ 26 มิถุนายน เพื่อดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม
ด้านหน่วยงานรักษาความมั่นคงภายในของอิสราเอล (ชินเบท) และตำรวจ ได้ออกแถลงการณ์ร่วม เตือนประชาชนให้ระวังการถูกชักชวนผ่าน *แพลตฟอร์มออนไลน์และโซเชียลมีเดีย* โดยระบุว่าการติดต่อกับรัฐศัตรูถือเป็นความผิดร้ายแรง และผู้กระทำจะต้องเผชิญโทษทางกฎหมาย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากอิหร่านเผชิญเหตุแฮ็กครั้งใหญ่ในแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตรายใหญ่ของประเทศ โนบิตکس ส่งผลให้สูญเงินกว่า 90 ล้านดอลลาร์ ซึ่งความเสียหายดังกล่าวได้กระตุ้นให้รัฐบาลอิหร่านออกมาตรการควบคุมตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเข้มงวดมากขึ้น
ความรุนแรงของคดีนี้ยิ่งสะเทือนใจเมื่อพิจารณาว่าเพิ่งมีการประกาศ ‘พักรบชั่วคราว’ ระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลซึ่งมี *ประธานาธิบดีทรัมป์* เป็นผู้ประสานการเจรจา แต่การล้วงข้อมูลและ *ใช้คริปโตเพื่อปฏิบัติภารกิจใต้ดิน* กลับยังเกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าคริปโตไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือของการหลีกเลี่ยงการควบคุมทางการเงินเท่านั้น หากแต่สามารถกลายเป็น *กลไกของการก่อความไม่สงบหรือจารกรรมระหว่างประเทศ* ได้
*ความคิดเห็น*: คดีนี้ถือเป็นคำเตือนที่ชัดเจนว่า ‘เสรีภาพทางการเงิน’ ที่คริปโตเคอร์เรนซีมอบให้ อาจเป็นดาบสองคมที่สร้าง ‘ความเสี่ยงด้านความมั่นคง’ ให้กับรัฐในยุคดิจิทัล การสร้างกฎเกณฑ์และแนวทางตรวจสอบทางเทคนิคจึงเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งจากฝั่งรัฐบาลและผู้พัฒนาเทคโนโลยีในอุตสาหกรรม Blockchain
ในวันที่ข้อมูลเพียงชิ้นเดียวสามารถส่งข้ามพรมแดนได้ในพริบตา คำเตือนว่า *คริปโตคือทั้งสัญลักษณ์ของเสรีภาพและภัยแฝง* จึงไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป.
ความคิดเห็น 0