บริษัทลงทุนที่ถือครองบิตคอยน์(BTC)จำนวนมากอาจไม่รอดจาก ‘เกลียวมรณะ (death spiral)’ หากไม่สามารถรักษาความได้เปรียบในเชิงมูลค่าทรัพย์สินสุทธิได้ จากรายงานล่าสุดของบริษัทเงินร่วมลงทุนอย่างบริด(Breed) พบว่า บริษัทที่มีบิตคอยน์อยู่ในคลังจะต้องสามารถรักษาสัดส่วนของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ต่อราคาหุ้นในตลาด หรือที่เรียกว่า MNAV ให้คงที่ไว้ มิฉะนั้นมีความเสี่ยงรุนแรงต่อการล่มสลายทางธุรกิจ
เมื่อราคาบิตคอยน์(BTC)ลดลง จะส่งผลโดยตรงต่อ MNAV ของบริษัทที่ถือครองสินทรัพย์ดังกล่าว ทำให้ราคาหุ้นตกลงมาเทียบกับมูลค่าสินทรัพย์จริง และถ้าราคาหุ้นหลุดต่ำกว่า NAV ความเชื่อมั่นในตลาดก็อาจถูกกระทบถึงขั้นพังทลาย บริดชี้ว่า บริษัทที่เผชิญสถานการณ์นี้จะเข้าสู่กระบวนการเสื่อมถอยเป็นลำดับในทั้งหมด 7 ขั้นตอน
ในอดีต บริษัทที่นำบิตคอยน์มาบรรจุในงบดุล มักหวังว่าจะเพิ่ม ‘พรีเมียมราคา’ ในตลาดทุน แต่ถ้าราคาหุ้นของบริษัทไม่สามารถดันขึ้นเหนือระดับ NAV ได้ ตลาดจะมองบริษัทเหล่านี้เพียงแค่เป็นช่องทางถือครองคริปโต และประเมินค่าในระดับที่เหมาะสมกับความเสี่ยงเท่านั้น เมื่อ MNAV ถูกกระทบ จะเกิดผลด้านลบตามมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การไหลออกของนักลงทุน ความเชื่อมั่นลดลง ไปจนถึงสภาพคล่องที่เสื่อมถอย
บริดเตือนว่า บริษัทเหล่านี้อาจต้องเผชิญทางเลือกอันเลวร้าย เช่น การปรับโครงสร้างกิจการ การขายบิตคอยน์ หรือแม้แต่การยุบเลิกธุรกิจ ทั้งนี้ บริดให้ "ความคิดเห็น" เพิ่มเติมว่า บริษัทที่สามารถรักษาหรือเพิ่ม MNAV ได้เท่านั้น ที่มีโอกาสรอดในตลาดในระยะยาว
รายงานของบริดยังสะท้อนท่าทีที่แตกต่างจากบรรยากาศในขณะนี้ โดยเฉพาะเมื่อบุคคลในแวดวงการเมืองอย่างทรัมป์แสดงความเป็นมิตรต่อบิตคอยน์มากขึ้น ซึ่งสร้างความหวังให้กับนักลงทุน อย่างไรก็ตาม รายงานเตือนว่ากลยุทธ์การใช้คริปโตเป็นทรัพย์สินธุรกิจควรพิจารณาบนฐานโครงสร้างและมูลค่าระยะยาว มากกว่าจะอิงกับกระแสราคาในช่วงสั้นเท่านั้น
ความคิดเห็น 0