เครือข่าย XRPL EVM ซึ่งเป็น *ไซด์เชน* ใหม่สำหรับขยายระบบนิเวศของริปเปิล(XRP) ได้ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการบนเมนเน็ตแล้ว โดยโครงการนี้มุ่งเน้นการนำเอาความสามารถของเครื่องจักรเสมือนของอีเธอเรียม(Ethereum Virtual Machine หรือ EVM) มาผสานกับจุดเด่นด้าน ‘ประสิทธิภาพ’ และ ‘ความเร็ว’ ของ XRP เลเชอร์(XRP Ledger) เพื่อสนับสนุนการใช้งาน *สมาร์ตคอนแทรกต์* และแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps)
XRPL EVM ถูกออกแบบให้เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์กับเครื่องมือยอดนิยมในอีเธอเรียม ได้แก่ Solidity, เมตาแมสก์(MetaMask) และฮาร์ดแฮต(Hardhat) พร้อมด้วย ‘กลไกฉันทามติแบบมอบหมายการพิสูจน์อำนาจ (PoA)’ ที่ใช้คณะผู้ตรวจสอบ(validation) มากกว่า 25 ราย อีกทั้งยังสามารถประมวลผลธุรกรรมได้มากกว่า 1,000 รายการต่อวินาที และสร้างบล็อกได้ภายในเวลาเฉลี่ยเพียง 3.4 วินาที โดยมี XRP เป็น ‘โทเคนหลัก’ ที่ใช้จ่ายค่าแก๊สในการทำธุรกรรม
เดวิด ชวาร์ตซ์(David Schwartz) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของริปเปิลและผู้ร่วมก่อตั้ง XRP เลเชอร์ เปิดเผยว่า “XRPL EVM ถูกพัฒนาโดยไม่กระทบกับโครงสร้างของเมนเน็ตหลัก ทำให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงสมาร์ตคอนแทรกต์ได้อย่างยืดหยุ่น โดยยังคงคุณสมบัติเด่นของ XRP เอาไว้ครบถ้วน” พร้อมเน้นย้ำว่า “นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบนิเวศริปเปิลในแง่ของการเปิดพื้นที่การใช้งานที่กว้างขวางขึ้นโดยไม่ต้องปรับโครงสร้างเดิม”
โครงข่ายใหม่นี้เชื่อมต่อกับ XRP เลเชอร์ผ่าน *สะพานบริดจ์ Axelar* โดยแม้จะเป็นโครงข่ายที่มีอิสระแต่ก็เปิดให้ผู้พัฒนาที่ทำงานบน XRP ดั้งเดิมสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย จุดเด่นอย่างเช่นโครงสร้างการตรวจสอบจากภาคธุรกิจและความเร็วในการผลิตบล็อกยังทำให้ XRPL EVM ได้รับการยกย่องว่า ‘มีประสิทธิภาพสูงกว่าภาคหลักของอีเธอเรียม’ อีกด้วย
*ความคิดเห็น:* ด้วยการออกแบบที่เน้นการสอดรับกับข้อกำหนดการกำกับดูแล XRPL EVM มีแนวโน้มจะได้รับความนิยมจากทั้งนักลงทุนสถาบันและสตาร์ทอัพที่ต้องการพัฒนา dApp อย่างจริงจัง นี่จึงเป็นก้าวย่างใหม่ของริปเปิลที่ไม่เพียงเสริมความสามารถด้านเทคนิค แต่ยังสามารถเร่งการปรับใช้เชิงพาณิชย์ของบล็อกเชนในวงกว้าง
การเปิดตัวเมนเน็ตในครั้งนี้สะท้อนถึงทิศทางเชิงยุทธศาสตร์ของริปเปิล ที่ต้องการยกระดับศักยภาพของ XRP เลเชอร์ให้เป็นแพลตฟอร์มที่หลากหลายและรองรับนักพัฒนาทุกกลุ่ม โดยเฉพาะ *นักพัฒนา EVM* ที่สามารถย้ายมาสร้าง dApp บน XRPL ได้ทันที จุดนี้อาจเร่งให้เกิดการใช้งานข้ามเครือข่าย (Cross-chain) อย่างเป็นรูปธรรมและผลักดัน XRP ecosystem ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในเวทีโลก.
ความคิดเห็น 0