ความเคลื่อนไหวล่าสุดของฟิเดลิตี(Fidelity)สร้างกระแสความสนใจในตลาดคริปโตอีกครั้ง เมื่อมีการย้ายบิตคอยน์(BTC)จำนวนถึง 475 BTC หรือราว 710 ล้านบาทออกจากตลาดซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ อย่างคอยน์เบส(COIN) ไปยังวอลเล็ตเย็นที่เชื่อมโยงกับกองทุน ETF ชื่อว่า ‘FBTC’ ของฟิเดลิตี เหตุการณ์นี้ในตอนแรกถูกเข้าใจผิดว่าเป็น ‘วาฬเทขาย’ แต่สุดท้ายก็พบว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการสินทรัพย์ตามปกติ
จากข้อมูลของบล็อกเชนพบว่าการโอนในครั้งนี้มีเป้าหมายชัดเจนไปยัง FBTC ซึ่งเป็นกองทุน ETF แบบถือครองบิตคอยน์จริง (Spot Bitcoin ETF) โดยเป็นขั้นตอนตามปกติในการซื้อและเก็บรักษาทรัพย์สินดิจิทัล สะท้อนถึง *ความต้องการของสถาบันที่ยังแข็งแกร่ง*ในสินทรัพย์ประเภทนี้
ความน่าสนใจเพิ่มขึ้นเมื่อพบว่า ธุรกรรมนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ FBTC มีเงินไหลเข้าสูงสุดในบรรดากองทุน ETF บิตคอยน์ในสหรัฐฯ ภายในวันเดียว โดยมีมูลค่าถึง 165.52 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2,301 ล้านบาท ตัวเลขดังกล่าวยืนยันว่าความต้องการลงทุนในบิตคอยน์ผ่านช่องทาง ETF ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลังจากการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินในครั้งนี้ มูลค่ารวมของบิตคอยน์ที่ FBTC ถือครองอยู่เพิ่มขึ้นเป็น 5,072 BTC หรือประมาณ 7,580 ล้านบาท คิดเป็น 1.01% ของอุปทานรวมของบิตคอยน์ในปัจจุบัน จากข้อมูลของแพลตฟอร์มวิเคราะห์คริปโต อะแคม(FBTC) ปัจจุบันบริหารสินทรัพย์รวมประมาณ 21.5 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 2.98 ล้านล้านบาท
*ความคิดเห็น*: การเคลื่อนไหวของฟิเดลิตีในครั้งนี้ตอกย้ำบทบาทของ ETF แบบถือครองจริงว่าเป็น ‘ตัวเร่งการสะสมบิตคอยน์ของกลุ่มสถาบัน’ และอาจกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับตลาดคริปโตในระยะยาว ทั้งนี้ ข้อมูลจากเมื่อวันศุกร์ระบุว่า ETF บิตคอยน์แบบถือจริงทั้งหมดในสหรัฐฯ มีเงินทุนไหลเข้าสุทธิสูงถึง 501 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 6,940 ล้านบาทภายในวันเดียว สะท้อนถึงบรรยากาศการลงทุนที่ยังคงคึกคัก
แม้ว่าการถอนเหรียญออกจากกระดานเทรดในอดีตจะถูกมองว่าเป็นสัญญาณของแรงขาย แต่สถานการณ์ปัจจุบันกลับต่างออกไป เพราะการสะสมบิตคอยน์โดยองค์กรขนาดใหญ่นั้นบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นระยะยาวในสินทรัพย์ดิจิทัลนี้อย่างชัดเจน บรรดานักวิเคราะห์คาดว่าแนวโน้มการสะสมโดยสถาบันจะยังคงดำเนินต่อไปในระยะหนึ่ง
ความคิดเห็น 0