คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ(SEC) อาจมีแนวโน้ม ‘อนุมัติ’ กองทุนอ้างอิงสินทรัพย์คริปโตแบบสปอตหรือ ETF ที่ติดตามราคาของริปเปิล(XRP), ไลต์คอยน์(LTC) และโซลานา(SOL) ในระดับความเป็นไปได้สูงถึง 95% ตามการประเมินล่าสุดของสองนักวิเคราะห์จากบลูมเบิร์ก เจมส์ เซย์เฟิร์ต(James Seyffart) และอีริก บัลชูนาส(Eric Balchunas) โดยคาดว่า SEC จะตัดสินใจเรื่องการอนุมัติ ETF เหล่านี้ภายในเดือนตุลาคม และอาจนำไปสู่การเข้าสู่ ‘ยุคใหม่’ ของอัลต์คอยน์ ETF ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2025
นักวิเคราะห์ทั้งสองได้เผยแพร่ความเห็นผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิมคือ Twitter) ว่าได้ปรับเพิ่ม ‘ความน่าจะเป็น’ ในการอนุมัติ ETF สำหรับริปเปิล, ไลต์คอยน์ และโซลานา จากเดิม 90% เป็น 95% และยังตั้งความหวังว่าโครงการอื่นอย่างโดจคอยน์(DOGE), คาร์ดาโน(ADA), โพลกาดอท(DOT), เฮเดรา(HBAR) และอวาแลนช์(AVAX) มีโอกาสได้รับอนุมัติในระดับ 90% ด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การมาถึงของ ‘ฤดูร้อนแห่งอัลต์คอยน์ ETF’ ในตลาดคริปโต
อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังเกี่ยวกับ ETF สำหรับซุย(SUI) และทรอน(TRX) กลับต่ำกว่าชัดเจน โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่า SUI มีโอกาสได้รับอนุมัติอยู่ที่ 60% และ TRX อยู่ที่ 50% เท่านั้น เนื่องจากทั้งสองสินทรัพย์ยังไม่มีสถานะอนุมัติเป็นผลิตภัณฑ์ล่วงหน้าโดยสำนักงานกำกับการซื้อขายล่วงหน้าสินค้า(CFTC) และสถานะของโทเคนทั้งสองในสายตา SEC ยังคง ‘ไม่ชัดเจน’ ว่าเข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์หรือไม่
มุมมองเชิงบวกที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งสะท้อนถึงแนวทางของ SEC ที่ดูจะเปิดกว้างมากขึ้น โดยตามรายงานของ Blockworks เมื่อไม่นานมานี้ SEC ได้ขอให้ผู้ออก ETF ยื่นเอกสาร S-1 ที่ปรับปรุงล่าสุด และรับปากว่าจะให้ความเห็นภายใน 30 วันจากวันที่ยื่นเอกสาร พร้อมทั้งขอรายละเอียดเพิ่มเกี่ยวกับกลไกการสับเปลี่ยนคริปโตแบบสปอต รวมถึงโครงสร้างการทำแพลตฟอร์มสเตกกิ้ง(Staking)
หนึ่งใน ETF ที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงนี้คือกองทุน REX Osprey SOL Staking ETF ซึ่งเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันพุธที่จะถึง โดยจะเป็น ETF ตัวแรกที่นำเสนอโอกาสให้ผู้ลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงผลตอบแทนจากการสเตกโทเคนโซลานาโดยตรง ETF ดังกล่าวมีข้อกำหนดให้ลงทุนอย่างน้อย 40% ใน ETF คริปโตนอกสหรัฐ ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ของหน่วยงานกำกับดูแลต่างประเทศ
ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ของ ETF ที่เกี่ยวข้องกับอีเธอเรียม(ETH) กลับยังไม่คืบหน้า โดย SEC เพิ่งเลื่อนการตัดสินใจต่อข้อเสนอของบริษัทบิทไวส์(Bitwise) ที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนจากการสเตกเข้าไปในการจัดการของ ETH ETF และยังชะลอการพิจารณาคำขอของออสเพรย์(Osprey) ที่ต้องการเปลี่ยนกองทุนทรัสต์บิตคอยน์ให้เป็น ETF แบบสปอตด้วย SEC ระบุว่าจะต้องทบทวนเรื่องการคุ้มครองผู้ลงทุนก่อนเข้าสู่ขั้นตอนอนุมัติ
วงการคริปโตมองการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มในครั้งนี้ว่าเป็น ‘สัญญาณเชิงบวกของการเข้าสู่กระบวนการออกกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน’ ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับสินทรัพย์ดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกที่ช่วยเชื่อมโยงตลาดคริปโตก่อนสู่ระบบการเงินแบบดั้งเดิม ความเป็นไปได้ที่ ETF อัลต์คอยน์จะได้รับการอนุมัติในวงกว้างภายในปี 2025 จึงอาจเป็น ‘จุดเปลี่ยน’ ครั้งสำคัญของตลาดคริปโตทั่วโลก
ความคิดเห็น 0