เจดีดอทคอม(JD.com) และแอนต์กรุ๊ป ซึ่งเป็นฟินเทคในเครืออาลีบาบา ได้ยื่นคำขออย่างเป็นทางการต่อธนาคารกลางจีน(PBOC) เพื่อขออนุญาตออก ‘สเตเบิลคอยน์’ ที่มีพื้นฐานจากเงินหยวน โดยหวังลดอิทธิพลของดอลลาร์สหรัฐที่ครองตลาดอยู่ในขณะนี้ โดยทั้งสองบริษัทมีแผนออกเหรียญดังกล่าวในฮ่องกงโดยอ้างอิงกับ ‘หยวนต่างประเทศ(CNH)’ ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของหยวนที่ใช้ในการซื้อขายนอกประเทศจีน
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) Reuters รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า เจดีดอทคอมและแอนต์กรุ๊ป ได้แสดงจุดยืนต่อธนาคารกลางจีนว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องผลักดัน ‘สเตเบิลคอยน์เงินหยวน’ ให้กลายเป็นวิธีการชำระเงินระดับสากล โดยเฉพาะฝั่งเจดีดอทคอมเสนอว่าจะนำร่องออกเหรียญในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง และหากประสบความสำเร็จจะขยายไปสู่เขตการค้าเสรีภายในจีน ซึ่งเบื้องต้นได้รับการตอบรับในเชิงบวกจากหน่วยงานกำกับดูแล
ในปัจจุบัน ทั้งเจดีดอทคอมและแอนต์กรุ๊ป กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมเอกสารเพื่อลงทะเบียนขอใบอนุญาตสำหรับออกสเตเบิลคอยน์ในฮ่องกงและสิงคโปร์ โดยเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ‘หลิวชางตง’ (Liu Qiangdong) ผู้ก่อตั้งเจดีดอทคอม ยังเคยประกาศเป้าหมายอย่างชัดเจนว่าจะ *ขอใบอนุญาตสเตเบิลคอยน์ในทุกประเทศหลักทั่วโลก*
ความคิดเห็น: แผนการนี้สะท้อนถึงความวิตกของจีนต่อการเสื่อมถอยของหยวนในเวทีโลก สถิติจาก SWIFT แสดงให้เห็นว่า ณ เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หยวนมีสัดส่วนเพียง 2.89% ของการชำระเงินทั่วโลก ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี ตรงกันข้าม *ดอลลาร์สหรัฐ* ยังคงครองสัดส่วนสูงกว่าถึง 48% วัง หยงลี่(Wang Yongli) อดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศจีน เตือนว่าหากระบบชำระเงินแบบหยวนยัง *ด้อยกว่าสเตเบิลคอยน์ดอลลาร์* อย่างมีนัยสำคัญ จีนอาจต้องเผชิญกับ *ความเสี่ยงเชิงยุทธศาสตร์*
ด้านเวลาและจังหวะถือเป็นองค์ประกอบสำคัญ เนื่องจากขณะนี้ฮ่องกงได้ประกาศนโยบาย “LEAP Framework” ซึ่งเป็นกรอบการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลฉบับใหม่ โดยเน้นด้าน *การใช้งานจริงของสเตเบิลคอยน์ที่มีสินทรัพย์รองรับ* ระบบอนุญาตจะเริ่มใช้งานอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ส่วนตลาดทั้งหมดของสเตเบิลคอยน์โตแตะระดับ 258,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 359 ล้านล้านวอน) โดย *เหรียญอันดับต้นๆ 10 ราย ล้วนเป็นเหรียญที่อิงกับดอลลาร์ทั้งสิ้น* ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ EURC(EURC) ที่อิงเงินยูโร ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 11
รัฐบาลจีนเองก็เร่งผลักดันการใช้งานเงินหยวนดิจิทัล โดย *พาน กงเซิง(Pan Gongsheng)* ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวว่าจะจัดตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการเงินหยวนดิจิทัลสากล” ณ มหานครเซี่ยงไฮ้ พร้อมชูแนวทาง ‘โครงสร้างหลายสกุลเงิน’ ที่ไม่ยึดติดกับดอลลาร์หรือยูโรมากจนเกินไป
ความคิดเห็น: ความร่วมมือระหว่างจีนและฮ่องกงในการผลักดันสเตเบิลคอยน์โดยใช้เงินหยวน ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ *สะท้อนความพยายามรักษาอธิปไตยทางการเงิน* ของประเทศด้อยกว่าทางการเงินในยุคเงินดิจิทัล ตลอดจนเป็นจุดเริ่มต้นของ *การท้าทายการครองอำนาจของสกุลดอลลาร์* ในระดับโลก
กล่าวโดยสรุป การเข้าสู่ตลาดสเตเบิลคอยน์ของเจดีดอทคอมและแอนต์กรุ๊ปไม่เพียงแต่สะท้อนถึงการปรับตัวของเอกชนในจีน แต่ยังเป็น *สนามทดสอบของหยวนดิจิทัล* และสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางเศรษฐกิจโลกในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็น 0