Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

Humanity Protocol เปิดตัวระบบยืนยันตัวตนบนเชน สกัดบอท–ป้องกัน Deepfake ด้วย ZK-Proofs

Humanity Protocol เปิดตัวระบบยืนยันตัวตนบนเชน สกัดบอท–ป้องกัน Deepfake ด้วย ZK-Proofs / Tokenpost

เมื่อเร็ว ๆ นี้ รายงานของเมซซารี่ รีเสิร์ช(Messari Research) ได้ชี้ว่า โครงการ *휴머니티 프로토콜(Humanity Protocol)* กำลังสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการป้องกันการฉ้อโกงจาก AI และการโจมตีไซบิล(sybil attack) โดยอาศัยระบบ *ยืนยันตัวตนบนเชน* ที่พัฒนาจากการสแกนลายมือและเส้นเลือดฝ่ามือ โดยใช้เทคโนโลยีไบโอเมตริกและการพิสูจน์ด้วยความรู้เป็นศูนย์ หรือ *Zero-Knowledge Proofs(ZK-proofs)*

โปรโตคอลดังกล่าวสร้าง *Human ID* บนเครือข่ายเคลือบอาร์บิทรัม(Arbitrum) ซึ่งเป็นระบบแบบกระจายศูนย์ ที่ช่วยให้สามารถยืนยันตัวตนโดยไม่ต้องพึ่งพาบุคคลที่สามหรือหน่วยงานกลาง โดยข้อมูลชีวมาตรถูกเข้ารหัส และไม่เกี่ยวข้องกับภาพต้นฉบับ ช่วยให้รักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้อย่างถึงที่สุด

เทคโนโลยีหลักของโครงการนี้คือ *โปรโตคอลยืนยันความเป็นมนุษย์(Proof-of-Humanity protocol)* ซึ่งนำ ZK-proofs มาประยุกต์เพื่อพิสูจน์ข้อมูลเช่น อายุ ที่อยู่อาศัย และหลักฐานการมีชีวิตอยู่ โดยไม่เปิดเผยรายละเอียดต่อภายนอก จุดเด่นคือ คุณสมบัติ 'ไม่สามารถโอนย้าย' ได้ของข้อมูลที่ได้รับการยืนยัน ซึ่ง *ความคิดเห็น* จากเมซซารี่ระบุว่า โครงสร้างนี้มีบทบาทสำคัญในการต่อต้านการโจมตีไซบิล และการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานที่เน้นความเป็นส่วนตัว

ในแง่การใช้งานจริง โครงการได้รวมระบบยืนยันตัวตนเข้ากับแพลตฟอร์มจำหน่ายตั๋วดิจิทัล “Moongate” ที่เพิ่งเข้าซื้อกิจการ ตั๋วแต่ละใบจะผูกกับ Human ID ของผู้ใช้ จึงสามารถกันบอท, การลงทะเบียนซ้ำ และป้องกันการปลอมแปลงหรือนำตั๋วไปขายต่อ นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถเข้าใช้งานคอนเทนต์ NFT หรือเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องแสดงบัตรประชาชน เพียงยืนยันด้วยไบโอเมตริกเท่านั้น

อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่น่าจับตามองคือ *ZK-TLS* ซึ่งช่วยให้การเข้าสู่ระบบออนไลน์เป็นไปได้โดยไม่เปิดเผยข้อมูลระหว่างการเชื่อมต่อแบบ TLS รายงานจากเมซซารี่เสริมว่า เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย เช่น ตรวจสอบตำแหน่งทางภูมิศาสตร์เพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านภาษี, ระบบล็อกอินแบบไม่เปิดเผย KYC และตรวจตั๋วแบบเรียลไทม์

นอกจากนี้ โทเคนใหม่ของโครงการชื่อว่า ‘H’ จะถูกแจกจ่ายด้วยแนวคิด *Fairdrop* โดยแจกเฉพาะให้กับผู้ใช้ที่ได้รับการยืนยันตัวตนจริงเท่านั้น ซึ่งช่วยส่งเสริมความโปร่งใสในการกระจายและแรงต้านต่อไซบิล พร้อมกับมอบแรงจูงใจให้ผู้ที่เข้าร่วมตรวจสอบ ID และทำหน้าที่ผู้ดูแลระบบในอนาคต

ในขณะที่ระบบยืนยันตัวตนแบบดั้งเดิมเผชิญกับปัญหาด้านความเป็นส่วนตัว การควบคุมข้อมูลตัวเอง และความยุ่งยากในการใช้งาน Humanity Protocol เสนอทางออกแบบ *สามประสาน* ที่รวม ‘ความเป็นส่วนตัว’, ‘การควบคุมข้อมูลตนเอง’ และ ‘การยืนยันตัวตนอัตโนมัติ’ ไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่นำไปใช้ได้กับทั้ง *Web3 และ Web2* ที่กำลังมุ่งเข้าสู่ยุคแห่งอัตลักษณ์ดิจิทัล ซึ่ง ‘ความเป็นมนุษย์’ และ ‘ความน่าเชื่อถือ’ จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญมากยิ่งขึ้น

เมซซารี่สรุปว่า เทคโนโลยีของ Humanity Protocol มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกนำไปประยุกต์กับหลายอุตสาหกรรมทั้งการตรวจจับแฮกเกอร์ Deepfake จาก AI, ระบบ KYC สำหรับดีไฟน์(DeFi), การเข้าสู่ระบบแบบส่วนตัวในเกมออนไลน์ และแพลตฟอร์มการศึกษาออนไลน์ ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในโลกเศรษฐกิจดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ ‘เลเยอร์ในการพิสูจน์ตัวตน’ กลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอนาคต

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1