โปรเจกต์สเตเบิลคอยน์ของริปเปิลในชื่อ ริปเปิลดอลลาร์(RLUSD) กำลังได้รับความสนใจอย่างรวดเร็วในตลาด หลังจากมียอด *หมุนเวียนเกิน 500 ล้านเหรียญ* เป็นที่เรียบร้อย โดยใช้เวลาเพียง 7 เดือนหลังเปิดตัว ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการแข่งขันของ RLUSD ในตลาดสเตเบิลคอยน์ที่มีผู้เล่นรายใหญ่อย่าง เทเธอร์(USDT) และ เซอร์เคิล(USDC) ครองส่วนแบ่งอยู่เป็นหลัก
ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap ณ ปัจจุบัน RLUSD มีจำนวนหมุนเวียนกว่า 501,240,000 เหรียญ และมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 7,000 พันล้านวอน หรือราว 512 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ยอดดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่วันหลังจากมีรายงานว่า RLUSD ใกล้แตะระดับ 500 ล้านดอลลาร์ โดยขณะนี้ RLUSD ได้ก้าวเข้าสู่ลำดับ *20 อันดับแรกของสเตเบิลคอยน์* ตามมูลค่าตลาด
สิ่งที่น่าสนใจคือการเติบโตที่นอกจากจะมาจากตัว RLUSD เองแล้ว ยังได้แรงหนุนจากความร่วมมือกับสถาบันการเงินระดับโลกอีกด้วย ธนาคารอามินา(AMINA Bank) จากสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งได้รับอนุญาตภายใต้หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของประเทศ ได้กลายเป็นธนาคารแรกที่รองรับ RLUSD ทั้งในด้านการซื้อขายและบริการดูแลสินทรัพย์ (custody) โดยข้อมูลระบุว่าหลังการประกาศดังกล่าว ปริมาณธุรกรรมของ RLUSD เพิ่มขึ้นกว่า *20% ภายในวันเดียว*
นอกจากนี้ ริปเปิลยังร่วมมือกับบริษัทฟินเทคของลอนดอนอย่าง โอเพ่นเพด(OpenPayd) เพื่อพัฒนา *การใช้ RLUSD ในการโอนเงินข้ามพรมแดน* โดยเฉพาะในภาคธุรกิจแบบ B2B ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยน RLUSD จากสินทรัพย์ดิจิทัลธรรมดาสู่โครงสร้างโครงข่ายการชำระเงินในระดับองค์กร
ในวงการเชื่อว่าหาก RLUSD ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อาจแตะระดับ *1,000 ล้านดอลลาร์* หรือราว 1.39 ล้านล้านวอน ในไตรมาสแรกของปี 2026 และอาจเร็วกว่านั้นภายในสิ้นปีนี้ แรงสนับสนุนสำคัญมาจากร่าง *กฎหมาย GENIUS* ที่อยู่ระหว่างพิจารณาในสภาคองเกรสของสหรัฐฯ ซึ่งหากผ่านความเห็นชอบ RLUSD จะมีรากฐานทางกฎหมายที่มั่นคงในสหรัฐฯ และสามารถขยายตลาดได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
แบรด การ์ลิงเฮาส์(Brad Garlinghouse) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของริปเปิล เคยระบุว่า RLUSD จะถูกผลักดันให้ *ท้าชนผู้เล่นเบอร์ต้นอย่าง USDT และ USDC* ได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยยุทธศาสตร์ 3 แกนหลัก ได้แก่ การปรับตัวตามกฎระเบียบ ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ และการเพิ่มการใช้งานในชีวิตจริง จึงไม่น่าแปลกใจที่ RLUSD จะกลายเป็น *ม้ามืดในตลาดสเตเบิลคอยน์* ณ เวลานี้
ความคิดเห็น 0