ตลาดคริปโตอาจเผชิญแรงกดดันหนักจาก ‘หนี้สหรัฐ’ และ ‘วิกฤติอสังหาฯ’ ซึ่งกระทบต่อราคา *บิตคอยน์(BTC)* โดยตรง หลังจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หนี้สาธารณะของรัฐบาลสหรัฐเพิ่มขึ้นถึง 367,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 510 ล้านล้านวอน) ภายในวันเดียว ดันยอดรวมแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 36.6 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.8 เควินล้านล้านวอน) นักลงทุนบางรายมองว่า ความตึงเครียดนี้อาจฉุดราคา *บิตคอยน์* ดิ่งลงแนวรับ 95,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.32 ล้านบาท) ในระยะสั้น
การเร่งตัวของหนี้สหรัฐ มีจุดเริ่มจากการที่ *ประธานาธิบดีทรัมป์* ลงนามในร่างกฎหมายที่ชื่อว่า ‘One Big Beautiful Bill’ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อขยายเพดานหนี้เพิ่มอีก 5 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 6,950 ล้านล้านวอน) ก่อให้เกิดความกังวลในตลาด ว่าอาจนำไปสู่ความผันผวนทั้งในนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) และกระแสเงินทุนทั่วโลก เนื่องจาก *บิตคอยน์* มีความสัมพันธ์กับปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคอย่างใกล้ชิด ราคาจึงอ่อนไหวหากสถานการณ์ยังคงตึงเครียด
*เคิร์ต เอส. อัลทริชเตอร์(Kurt S. Altrichter)* ผู้ก่อตั้งไอวอรี่ฮิลล์ เวลท์ ให้ความเห็นว่า ความเสี่ยงใน *ตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐ* ก็กำลังเพิ่มสูงขึ้น โดยบางดัชนีที่เคยพุ่งสูงช่วงภาวะถดถอยในอดีต กำลังกลับมาอยู่ในระดับน่าเป็นห่วง นอกจากนี้ มาตรการการเงินแบบตึงตัว และกระแสเงินจากนักลงทุนสถาบันที่ชะลอตัวลง อาจกระตุ้นให้ *ตลาดคริปโต* เกิดแรงขายรุนแรงตามมา
*บิตคอยน์* ในขณะนี้มีการตอบสนองไวต่อการเคลื่อนไหวของนโยบายดอกเบี้ยจากเฟด รวมถึงท่าทีของนักลงทุนรายใหญ่ การเพิ่มขึ้นของหนี้รัฐบาลทำให้ตลาดเข้าสู่โหมด ‘ปรับความเสี่ยง’ สะท้อนผ่านความผันผวนระดับสูง ซึ่งอาจพาราคาหล่นเข้าสู่ช่วงขาลงที่ไม่คาดคิดได้ทุกเมื่อ ความไม่แน่นอนทางการเงินกำลังเป็นตัวแปรสำคัญที่นักลงทุนทุกระดับไม่อาจมองข้ามได้ในช่วงเวลานี้.
ความคิดเห็น 0