แม้จำนวนบิตคอยน์(BTC)ที่ไบแนนซ์ถือครองจะลดลงในช่วงที่ผ่านมา แต่รายได้ *ที่ยังไม่ขายออกหรือไม่เรียกเก็บผลกำไร* กลับแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเป็นผลจากการพุ่งขึ้นของราคาบิตคอยน์ในระยะหลัง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อมูลค่าทรัพย์สินที่ถืออยู่
ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน *คริปโตควอนต์(CryptoQuant)* ระบุว่า ในช่วงเดือนกันยายน 2024 ไบแนนซ์ถือครอง BTC อยู่ประมาณ 631,000 เหรียญ แต่ปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 574,000 เหรียญ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเดียวกัน ราคาบิตคอยน์ที่พุ่งสูงขึ้น ได้ช่วยให้ไบแนนซ์มีผลกำไรที่ยังไม่ขายออกมากถึงกว่า 60,000 BTC คิดเป็นมูลค่าราว 8.3 แสนล้านเยน หรือประมาณ 8.3 หมื่นล้านบาท จากราคาบิตคอยน์ประมาณ 97,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญ
บิตคอยน์ที่ไบแนนซ์ถือครองถูกนำมาใช้เพื่อสภาพคล่องของแพลตฟอร์ม และสนับสนุนระบบนิเวศของ BNB นอกจากนี้ ยังมีประมาณ 16,000 BTC ที่ถูกกันไว้ในกระเป๋าเก็บสินทรัพย์สำหรับใช้เป็นเงินค้ำประกันของโทเคน BTCB
การที่จำนวน BTC ในกระเป๋าของไบแนนซ์ลดลง *สะท้อนว่าผู้ใช้นำเหรียญออกจากแพลตฟอร์ม* ซึ่งมักสื่อถึงแนวโน้ม ‘ถือระยะยาว’ ของนักลงทุนในตลาด คริปโตควอนต์ให้ *ความคิดเห็น* ว่า “พฤติกรรมดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น”
แนวโน้มราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยังส่งผลให้ธุรกรรมในตลาดอนุพันธ์และตลาดสปอตของสินทรัพย์ดิจิทัลคึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่บิตคอยน์ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไบแนนซ์ทำสถิติปริมาณซื้อขายรายวันสูงสุด พร้อมครองส่วนแบ่งตลาดถึง 52% ด้านแพลตฟอร์มอื่นอย่าง คริปโตดอตคอม, คอยน์เบส, บายบิท และ OKX ต่างก็รายงานยอดซื้อขายที่พุ่งสูงเช่นกัน
ในตลาดฟิวเจอร์ส กระแสเก็งกำไรยังคึกคัก โดยมีนักลงทุนเปิด *สถานะซื้อ (Long position)* อย่างต่อเนื่องในแพลตฟอร์มหลัก เช่น ไบแนนซ์, บายบิท และเกตไอโอ ซึ่งบ่งชี้ถึงความคาดหวังต่อแนวโน้มขาขึ้นต่อไปในอนาคต
แม้กระแสจะดูสดใส แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ตลาดอาจเข้าสู่ *ระยะปรับฐานเพื่อทำกำไร (Profit-taking phase)* ในระยะสั้น โดยระบุว่า นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 2024 ที่นักลงทุนสายถือยาวเริ่มทยอยขาย ซึ่งอาจกดดันราคาหากไม่มีแรงซื้อต่อเนื่องมารองรับ
ถึงแม้ยอดขายจากสถาบันและกองทุน ETF จะเพิ่มขึ้น แต่แรงซื้อในตลาดก็ยังคงมีอยู่ อย่างไรก็ตาม *ความเสี่ยงอยู่ที่ความยั่งยืนของแรงซื้อ* หากอ่อนตัว ตลาดอาจเผชิญกับแรงเทขายรุนแรงและการปรับฐานที่เจ็บปวด
กรณีของไบแนนซ์ในครั้งนี้—*การลดลงของบิตคอยน์ที่ถือครองควบคู่ไปกับผลกำไรสะสมที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์*—เป็นภาพสะท้อนของภาวะตลาดที่ทั้งคาดหวังและเปราะบางในเวลาเดียวกัน ในสถานการณ์เช่นนี้ นักลงทุนควรใช้กลยุทธ์ที่มีความยืดหยุ่นและรอบคอบเป็นพิเศษ
ความคิดเห็น 0