เทเธอร์(Tether) เร่งเดินหน้าแผนขยายตลาดในสหรัฐฯ หลัง ‘กฎหมาย GENIUS’ ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนาม ทำให้ข้อบังคับเกี่ยวกับ *สเตเบิลคอยน์* มีความชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทคริปโตหลายรายหันมามุ่งเน้นการทำตลาดในอเมริกาอย่างจริงจัง โดยเทเธอร์กำลังผลักดันการใช้งาน *สเตเบิลคอยน์* ของตนในกลุ่มลูกค้าสถาบัน สำหรับการชำระเงินและการชำระหนี้ระหว่างธนาคาร
เปาโล อาร์โดอิโน(Paolo Ardoino) ซีอีโอของเทเธอร์ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg เมื่อวันที่ 23 ว่า “ขณะนี้เราได้วางกลยุทธ์ในสหรัฐไว้ล่วงหน้า พร้อมเดินหน้าที่จะเน้นการให้บริการชำระเงินสำหรับองค์กร การชำระเงินระหว่างธนาคาร และการเทรดคริปโตโดยเฉพาะ” พร้อมย้ำว่าเทเธอร์ยังไม่มีแผนจะเข้าตลาดหุ้น โดยคงเป้าหมายที่ *ผลลัพธ์ที่จับต้องได้* เป็นหลัก การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่กฎหมาย GENIUS ถูกบังคับใช้
ภายใต้บริบทที่ *สภาพแวดล้อมของสเตเบิลคอยน์พัฒนาอย่างรวดเร็ว* เทเธอร์ใช้จุดแข็งของตนทั้งในด้านเทคโนโลยีและประสบการณ์ในตลาด เดินหน้าเจาะตลาดใหม่อย่างสหรัฐฯ ซึ่งอาร์โดอิโนยอมรับว่าในระยะสั้น แบงก์ดั้งเดิมในอเมริกาอาจมีความได้เปรียบทางเทคนิค แต่ตนก็เชื่อว่าเทเธอร์มี *ความเข้าใจตลาดอย่างลึกซึ้ง* และมีการพัฒนาโครงสร้างรองรับที่แข็งแกร่งกว่า
อย่างไรก็ตาม ตลาดสหรัฐฯ ถือว่าเป็นสังเวียนที่ไม่ง่าย เนื่องจากมีสถาบันการเงินรายใหญ่ เช่น *แบงก์ออฟอเมริกา*, *ซิตี้กรุ๊ป* และ *เวลส์ฟาร์โก* ที่กำลังพัฒนา *สเตเบิลคอยน์ของตนเอง* ส่งผลให้การแข่งขันเชิงพาณิชย์ระหว่างธนาคารทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ภายใต้กรอบของกฎหมาย GENIUS ที่เปิดทางให้ *สเตเบิลคอยน์สามารถใช้ชำระหนี้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย* ความน่าเชื่อถือและการปฏิบัติตามกฎระเบียบจึงกลายเป็นปัจจัยชี้ชะตาของผู้เล่นในตลาดนี้
ด้วยเหตุนี้ เทเธอร์จึงให้ความสำคัญสูงสุดกับประเด็น *ความโปร่งใสในการตรวจสอบบัญชี* ตลอดที่ผ่านมาบริษัทเผยแพร่ข้อมูลเพียงใบรับรองทางการเงินรายไตรมาส (attestation) เท่านั้น ทำให้ถูกวิจารณ์ว่ายังขาดการรับรองจากหน่วยงานภายนอก ล่าสุดเมื่อเดือนก่อน บริษัทได้แต่งตั้ง ไซมอน แมควิลเลียมส์(Simon McWilliams) ขึ้นเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) คนใหม่ พร้อมมุ่งมั่นเชิญหนึ่งใน ‘Big 4’ อย่าง *ดีลอยต์, PwC, EY และ KPMG* เข้ามาตรวจสอบบัญชีโดยสมบูรณ์
ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ การตัดสินใจของเทเธอร์ครั้งนี้อาจกลายเป็น *ตัวเร่งการแข่งขันเพื่อชิงความเป็นผู้นำด้านสเตเบิลคอยน์ระดับโลก* อาร์โดอิโนยังให้สัมภาษณ์ในหนึ่งในเวทีอภิปรายล่าสุดว่า “ภายในปลายปี 2025 เราจะกลายเป็นบริษัทขุดบิตคอยน์(BTC) ที่ใหญ่ที่สุดในตลาด” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของเทเธอร์ที่วางรากฐานนอกเหนือจากการเป็นเพียงผู้ให้บริการสเตเบิลคอยน์
แม้ยังไม่อาจสรุปได้ว่าการรุกตลาดอเมริกาครั้งนี้จะให้ผลลัพธ์อย่างไร แต่ก็ชัดเจนว่า *การขยายตลาดของเทเธอร์ในสหรัฐฯ เป็นมากกว่าแค่การเข้าสู่ตลาดใหม่* แต่เป็นกลยุทธ์เชิงลึกที่หวังชิงพื้นที่สำคัญในเศรษฐกิจคริปโตสหรัฐฯ ซึ่งความร่วมมือทางธุรกิจ หรือบริการใหม่ๆ ที่เทเธอร์เตรียมเปิดตัวในอนาคต มีแนวโน้มจะกลายเป็นจุดสนใจในอุตสาหกรรมนี้อย่างแน่นอน
ความคิดเห็น 0