เทเธอร์(Tether) กำลังได้รับความสนใจจากตลาดอย่างมาก หลังมีรายงานว่าได้จัดเก็บทองคำมากกว่า ‘80 ตัน’ ไว้ในโกดังลับในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ คิดเป็นมูลค่าราว ‘8 พันล้านดอลลาร์’ หรือประมาณ ‘1.11 ล้านล้านบาท’ ส่งผลให้บริษัทกลายเป็นหนึ่งในผู้ถือครองทองคำรายใหญ่ที่สุดนอกสถาบันการเงิน
รายงานดังกล่าวถูกเปิดเผยครั้งแรกโดย Bloomberg เมื่อวันที่ 24 โดยซีอีโอของเทเธอร์ โฮลดิงส์ พาโอลอ อาร์ดัวอิโน(Paolo Ardoino) เปิดเผยว่า บริษัทเป็นเจ้าของและผู้บริหารโกดังทองคำดังกล่าวด้วยตัวเอง พร้อมระบุว่าเป็น “โกดังทองคำที่ปลอดภัยที่สุดในโลก” เขายังเสริมว่าตัวสถานที่ตั้งยังไม่ขอเปิดเผยเพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย
อาร์ดัวอิโนอธิบายว่า การจัดการโกดังทองคำเองเป็นกลยุทธ์ระยะยาวที่คุ้มค่า โดยเฉพาะในกรณีที่โทเคนทองคำที่เชื่อมกับทองคำจริงอย่าง ‘XAUT’ ที่ออกโดยเทเธอร์ มีการขยายปริมาณหมุนเวียนเพิ่มขึ้นจนแตะระดับ ‘1 แสนล้านดอลลาร์’ ซึ่งจะทำให้ลดต้นทุนการจ้างผู้รับฝากได้อย่างมีนัยสำคัญ
ในปัจจุบัน โทเคนหลักอย่าง ‘USDT’ ของเทเธอร์มีมูลค่าที่หนุนหลังส่วนใหญ่มาจากสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยมีประมาณ ‘5%’ ของทุนสำรองที่ถือครองเป็นสินทรัพย์รูปธรรม เช่น ทองคำ ซึ่งจำนวนมากในนั้นก็คือทองคำที่เพิ่งถูกรายงาน อย่างไรก็ตาม การถือทองคำในสัดส่วนนี้อาจขัดแย้งกับ ‘พระราชบัญญัติ GENIUS’ ของวุฒิสภาสหรัฐฯ ที่เพิ่งผ่าน ซึ่งกำหนดให้ทุนสำรองของสเตเบิลคอยน์ต้องอยู่ในรูปของเงินสดหรือพันธบัตรระยะสั้นเท่านั้น การครอบครองทองคำจึงอาจกลายเป็น ‘แรงต้าน’ ทางด้านกฎหมาย
แม้อาร์ดัวอิโนจะยืนยันว่าว่า ‘ทองคำ’ เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเหนือกว่าสกุลเงินของทุกประเทศ แต่หาก XAUT เติบโตอย่างมาก เทเธอร์อาจต้องเผชิญความเสี่ยงจากการถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมตลาดในประเทศที่มีกฎระเบียบเข้มงวด เช่น สหรัฐฯ และกลุ่มยุโรป และอาจจำเป็นต้องลดปริมาณทองคำลงหรือปรับโครงสร้างใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย
ประเด็นนี้ยิ่งน่าสนใจขึ้น เมื่อพิจารณาว่าตลาดสเตเบิลคอยน์กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว จากข้อมูลของ DeFiLlama ปริมาณทรัพย์สินรวมในตลาดสเตเบิลคอยน์ทะลุ ‘255.3 พันล้านดอลลาร์’ โดย USDT ครองส่วนแบ่งมากกว่า ‘62%’ ตามมาด้วย USDC ของเซอร์เคิล(Circle) ที่ถืออยู่ประมาณ ‘24%’ ที่เหลือกระจายอยู่ในสเตเบิลคอยน์อีกกว่า 267 ราย
กลยุทธ์การผูกทองคำของเทเธอร์ถือเป็นความพยายามที่จะแตกต่างในตลาด แต่ก็ไม่อาจมองข้ามความเสี่ยงด้าน ‘กฎระเบียบ’ ที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น ท่าทีของผู้กำกับดูแล และการตอบรับของตลาด จะเป็นตัวกำหนดว่า เทเธอร์จะสามารถปูทางใหม่ให้กับวงการสเตเบิลคอยน์ได้หรือไม่
ความคิดเห็น 0