ไทเลอร์ วิงเคิลวอส ผู้ร่วมก่อตั้งเจมิไน ออกมาเผยว่า *เจพีมอร์แกน เชส(JPM)* ได้ระงับขั้นตอนการกลับมาใช้งานบริการของบริษัทเขา โดยเจ้าตัวเชื่อว่าสาเหตุหลักมาจากโพสต์วิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเข้าถึงข้อมูลใหม่ของธนาคารดังกล่าวที่เขาเผยแพร่ไปก่อนหน้านี้
เมื่อวันที่ 14 วิงเคิลวอสได้ระบุผ่านโพสต์บนแพลตฟอร์ม X (เดิมคือทวิตเตอร์) ว่า “ดูเหมือนว่าโพสต์ของผมเมื่อสัปดาห์ก่อนจะไปสร้างความไม่พอใจให้บางฝ่าย เพราะสัปดาห์นี้ *เจพีมอร์แกน* ได้แจ้งเราว่าจะระงับกระบวนการกลับมาเป็นลูกค้าอีกครั้ง” พร้อมกล่าวต่อว่า “เหตุผลก็คือเพราะสิ่งที่ผมพูด” เขายังอ้างว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรก โดยย้อนถึงยุค *Operation Choke Point 2.0* ที่บริษัทของเขาถูกตัดบัญชีธนาคาร และขณะนี้ ขบวนการฟื้นสถานะก็ถูกหยุดลงอีกครั้ง
ข้อพิพาทครั้งนี้เริ่มต้นจากรายงานของ Bloomberg ซึ่งเปิดเผยว่า *เจพีมอร์แกน* เตรียมเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงข้อมูลลูกค้าธนาคารจากบริษัทฟินเทค โดยวิงเคิลวอสมองว่านโยบายนี้อาจก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงต่อวงการฟินเทคและ *คริปโตเคอร์เรนซี* เขาเรียกแนวคิดนี้ว่า *“เป็นการตัดการแข่งขันอย่างชัดเจน”* และชี้ว่าบริษัทฟินเทคที่เป็นสะพานเชื่อมการชำระเงินด้วยคริปโตอาจถึงขั้น *ล้มละลาย* ได้
จนถึงขณะนี้ *เจพีมอร์แกน* ยังไม่ออกมาแสดงความเห็นต่อข้อกล่าวหาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดระหว่างแวดวง *คริปโตเคอร์เรนซี* และสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมยังคงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อการเลือกตั้งใหม่ของ *ประธานาธิบดีทรัมป์* กำลังใกล้เข้ามาและประเด็นเรื่องการกำกับดูแลคริปโตเริ่มกลายเป็นหนึ่งในประเด็นร้อน สถานการณ์ล่าสุดนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึง *ท่าทีที่แข็งกร้าวมากขึ้นของภาคการเงินต่ออุตสาหกรรมคริปโต* ได้อย่างชัดเจน
ความคิดเห็น 0