Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

เมสซารีเผย: สเตเบิลคอยน์กลายเป็นเครื่องมือการเงินหลักในประเทศเกิดใหม่ โตเฉลี่ย 300% ต่อปี

เมสซารีเผย: สเตเบิลคอยน์กลายเป็นเครื่องมือการเงินหลักในประเทศเกิดใหม่ โตเฉลี่ย 300% ต่อปี / Tokenpost

สเตเบิลคอยน์กลายเป็นเครื่องมือทางการเงินสำคัญในประเทศที่เข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างจำกัด โดยรายงานล่าสุดจากเมสซารี รีเสิร์ช(Messari Research) เผยว่าในประเทศกำลังพัฒนา เช่น เคนยา, ไนจีเรีย และยูเครน สเตเบิลคอยน์มีบทบาทในการขยาย ‘การเข้าถึงดอลลาร์’ อย่างแท้จริง และช่วยส่งเสริม *การเงินแบบทั่วถึง* ให้เกิดขึ้นได้ในวงกว้าง

รายงานชี้ว่า ช่องว่างของโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินในประเทศกำลังพัฒนานำไปสู่ข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการทางการเงิน เช่น จำนวนสาขาธนาคารหรือตู้ ATM ต่อประชากรที่น้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้วอย่างมาก แม้ระบบตัวแทนบริการทางการเงินมือถือบางรูปแบบจะช่วยลดช่องว่างเหล่านี้ แต่ก็ยังคงมีข้อจำกัดเรื่องต้นทุนและการเข้าถึง ทำให้สเตเบิลคอยน์เข้ามาเป็นทางเลือกใหม่

ด้วยการใช้งานง่ายผ่านเพียงสมาร์ตโฟนและอินเทอร์เน็ต สเตเบิลคอยน์ช่วยลดการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแบบดั้งเดิมได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่น M-PESA ของเคนยาซึ่งแม้จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการการเงินได้ แต่การโอนเงินยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมราว 1.5% ในขณะที่การโอนสเตเบิลคอยน์ผ่านบล็อกเชนของโซลานา(SOL) มีค่าธรรมเนียมเพียง 0.004 ดอลลาร์เท่านั้น

เจ้าหน้าที่จากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็เริ่มมองสเตเบิลคอยน์ในแง่บวก โดยบอร์ดสมาชิกอย่าง คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ระบุว่า “สเตเบิลคอยน์ที่อิงกับค่าเงินดอลลาร์ มีคุณค่ามหาศาลในประเทศที่ประสบปัญหาเงินเฟ้อสูง”

ในปี 2024 สเตเบิลคอยน์อย่าง เทเธอร์(USDT) และ ยูเอสดีซี(USDC) ถูกใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศที่มีปัญหาเศรษฐกิจ เช่น ตุรกี, อาร์เจนตินา, เวเนซุเอลา และไนจีเรีย โดยข้อมูลจากเมสซารีแสดงให้เห็นว่าธุรกรรมสเตเบิลคอยน์ในประเทศกลุ่มนี้เติบโตเฉลี่ยสูงกว่า 300% ต่อปี

ความจำเป็นในการใช้สเตเบิลคอยน์ยังเด่นชัดใน *สถานการณ์วิกฤต* เช่น กรณียูเครนในปี 2022 ที่ต้องเผชิญกับการรุกรานจากรัสเซีย รัฐบาลยูเครนจำเป็นต้องควบคุมเงินทุนอย่างเข้มงวด ส่งผลให้ประชาชนแห่กันไปถือครอง USDT โดยราคาซื้อขาย USDT/UAH ในตลาดพุ่งสูงกว่าราคาทางการถึง 10% ขณะเดียวกัน ยูเครนยังสามารถรับเงินบริจาคผ่าน USDT ได้หลายล้านดอลลาร์

จำนวนผู้ใช้งานสเตเบิลคอยน์ในยูเครนก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากข้อมูลของ Addressable พบว่าก่อนเกิดสงครามมีผู้ใช้ใหม่ราว 43,000 รายต่อเดือน แต่ในปี 2023 ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 635,000 รายต่อเดือน

ไม่เพียงแค่การใช้งานในระยะสั้นเท่านั้น ความนิยมในการใช้สเตเบิลคอยน์เป็น *เครื่องมือออมเงิน* ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยจากข้อมูลของเทเธอร์ กลุ่มผู้ใช้งานกระเป๋าส่วนตัวที่ไม่ใช่บัญชีแลกเปลี่ยนมีสัดส่วนถือครอง USDT เพิ่มขึ้น กลายเป็นกลุ่มหลักของการถือครองแทนที่นักเทรดและผู้ใช้ที่เน้นการโอนเงิน ซึ่งสะท้อนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสู่การใช้สเตเบิลคอยน์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ

ในแอฟริกาใต้สะฮารา แม้กิจกรรมบนบล็อกเชนจะมีเพียง 2.7% ของทั่วโลก แต่การใช้งานคริปโตกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ไนจีเรียติดอันดับ 2 ของโลกในการยอมรับคริปโต ขณะที่เอธิโอเปีย, เคนยา และแอฟริกาใต้ก็ติดใน 30 อันดับแรก โดยในภูมิภาคนี้ 43% ของธุรกรรมบนเชนเป็นของสเตเบิลคอยน์

หนึ่งในบริษัทที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันสเตเบิลคอยน์ในแอฟริกาคือ ยีลโลว์การ์ด(Yellow Card) ที่เริ่มต้นใหม่ในลากอสเมื่อปี 2019 ปัจจุบันให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่การซื้อขายคริปโต, ออมเงินในดอลลาร์ ไปจนถึงการโอนเงินข้ามพรมแดนโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม โครงสร้างระบบ API และเครือข่ายสภาพคล่องของบริษัทนี้ยังช่วย SME ในการจัดการชำระเงินและป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงิน

รายงานจากเมสซารียังชี้ว่า สเตเบิลคอยน์กำลังกลายเป็น *โครงสร้างพื้นฐานใหม่ของระบบการเงินโลก* โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา ที่สเตเบิลคอยน์ไม่ได้เป็นแค่ยูทิลิตี้ของบล็อกเชน แต่กลายเป็นเครื่องมือเพื่อความอยู่รอดและความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว การเปลี่ยนแปลงนี้อาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อการจัดระเบียบการเงินโลกในอนาคต

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1