อีเธอเรียม(ETH)กำลังได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากนักลงทุน หลังปรับตัวขึ้นมากกว่า 150% ในช่วงตลาดกระทิงล่าสุด และมีจังหวะที่พุ่งทะลุระดับ 3,800 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.28 ล้านบาท) โดยเมื่อวันที่ 28 บริษัทวิจัยการลงทุน *บิทไมน์(Bitmine)* ที่ก่อตั้งโดยนักวิเคราะห์ชื่อดังจากวอลล์สตรีทอย่าง *ทอม ลี(Tom Lee)* ได้เปิดตัวพรีเซนเทชันการลงทุนฉบับแรก พร้อมทั้งตั้งเป้าราคา *‘อีเธอเรียม’ ไว้สูงถึง 60,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 8.34 ล้านบาท)* จุดกระแสตอบรับในวงการคริปโต
ในเอกสารชื่อ ‘5% ของการแปรธาตุ (The Alchemy of 5%)’ บิทไมน์ระบุว่า ปัจจุบันอีเธอเรียมยัง *ถูกประเมินราคาต่ำกว่าความเป็นจริง* อย่างมีนัยสำคัญ โดยอ้างอิงข้อมูลจากสถาบันวิจัยอิสระหลายแห่งว่า มูลค่าที่แท้จริงต่อ 1 ETH อาจสูงถึง 60,000 ดอลลาร์ และไม่ใช่แค่สกุลเงินดิจิทัลอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นโครงสร้างหลักของสินทรัพย์โลกในอนาคต
*ทอม ลี* กล่าวในการนำเสนอว่า “สเตเบิลคอยน์ที่มีเสถียรภาพคือ ‘นวัตกรรมระดับแชทจีพีที’ สำหรับวงการคริปโต และ *อีเธอเรียมคือแพลตฟอร์มศูนย์กลางของเทรนด์นี้*” เขาชี้ด้วยว่า แนวโน้มมูลค่าตลาดของสเตเบิลคอยน์ที่จะเติบโตสิบเท่า ตามคาดการณ์ของรัฐมนตรีการคลังสหรัฐ *สก็อตต์ เบสเซนต์(Scott Bessent)* และปัจจุบัน *ราว 60% ของสเตเบิลคอยน์ ใช้งานบนเครือข่ายอีเธอเรียม* ทำให้อีเธอเรียมมีศักยภาพที่จะเป็น *‘มาตรฐานการเงินแห่งวอลล์สตรีทรุ่นใหม่’*
บิทไมน์ยังเปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทและสถาบันต่างๆ กำลังเริ่มนำอีเธอเรียมมาใช้เป็นสินทรัพย์ทางการเงิน แทนที่ทองคำในฐานะ *เครื่องมือเก็บมูลค่า* โดยบิทไมน์เองถือครองอีเธอเรียมจำนวน 566,800 ETH คิดเป็นมูลค่าราว 2.12 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.94 หมื่นล้านบาท) หรือ 0.47% ของอุปทานอีเธอเรียมทั้งหมด ซึ่งเป็นจำนวนที่ *มากกว่าปริมาณ ETH ที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา*
ขณะเดียวกัน หุ้นของบิทไมน์(Ticker: BMNR) ก็พุ่งพรวดตามแนวโน้มบวกของ ETH โดยภายหลังจากเปิดกลยุทธ์เน้นลงทุนอีเธอเรียมเมื่อปลายเดือนมิถุนายน ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นถึง 724% ภายใน 18 วัน ส่วน *มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV)* ก็ทะยานขึ้นกว่า 6 เท่าในช่วงเดียวกัน *ทอม ลี* ระบุว่า บิทไมน์มีเป้าหมายเป็นเสมือน *‘ไมโครสตราเทจีของอีเธอเรียม’* พร้อมยืนยันจะเดินหน้ากลยุทธ์สะสม ETH อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้น ราคายังเผชิญกับแรงต้าน โดยอีเธอเรียมเคยพยายามขึ้นไปยืนเหนือระดับ 4,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.56 ล้านบาท) แต่ก็ชะลอลงและกลับมาซื้อขายที่ราว 3,780 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.25 ล้านบาท) เมื่อวันที่ 29 ขณะที่ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคายังยืนเหนือ 3,500 ดอลลาร์ (ราว 4.86 ล้านบาท) อย่างแข็งแกร่ง นักวิเคราะห์มองว่า การ *ไหลเข้าของเงินทุน ETF* และความต้องการสะสมจากภาคธุรกิจจะยังคงหนุนราคาอีเธอเรียมในระยะกลางถึงยาวต่อไป ความคิดเห็น: ปัจจัยพื้นฐานและการสนับสนุนเชิงโครงสร้างเช่นนี้อาจทำให้เป้าราคา 60,000 ดอลลาร์ *ไม่ใช่แค่ฝันกลางวันอีกต่อไป*
ความคิดเห็น 0