Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ธนาคารกลางเกาหลีใต้ยกเครื่องหน่วยงานคริปโต ชูบทบาทผู้นำด้านนโยบายสเตเบิลคอยน์

ธนาคารกลางเกาหลีใต้ยกเครื่องหน่วยงานคริปโต ชูบทบาทผู้นำด้านนโยบายสเตเบิลคอยน์ / Tokenpost

ธนาคารกลางเกาหลีใต้เพิ่งประกาศเปลี่ยนชื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบศึกษาสกุลเงินดิจิทัล โดยลบคำว่า ‘วิจัย’ ออกจากชื่อหน่วยงาน และจัดตั้งองค์กรใหม่ซึ่งมุ่งเน้นด้านนโยบายสเตเบิลคอยน์โดยเฉพาะ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของทางการในการขยายขอบเขตการดำเนินงาน จากเดิมที่มุ่งเน้นงานวิจัยไปสู่การกำหนดนโยบายและความร่วมมือด้านกฎระเบียบ

เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางเกาหลีระบุว่า “การเปลี่ยนชื่อครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อเน้นย้ำว่า หน่วยงานดังกล่าวไม่ใช่แค่แผนกที่ทำเพียงวิจัยเท่านั้น” พร้อมระบุว่ารูปแบบใหม่นี้มีเป้าหมายชัดเจนที่การปฏิบัติงานจริง นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังได้ตั้งคณะกรรมการ ‘สินทรัพย์เสมือน’ เพื่อรับมือกับความเคลื่อนไหวจากฝ่ายนิติบัญญัติที่กำลังเร่งร่างกฎหมายสเตเบิลคอยน์ ทั้งจากพรรครัฐบาลและฝ่ายค้าน ซึ่งต่างเสนอเนื้อหาที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ธนาคารกลางเริ่มส่งสัญญาณว่า ต้องการมีบทบาทนำในด้านนโยบาย

อีกด้านหนึ่ง โครงการทดลองด้านเทคโนโลยีการเงิน ‘โครงการฮันกัง’ ที่ธนาคารกลางเคยริเริ่มกลับต้องหยุดชะงัก หลังได้รับเสียงคัดค้านจากกลุ่มธนาคารที่เข้าร่วม โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อผสาน ‘โทเคนเงินฝาก’ และเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) สำหรับใช้ในการชำระระหว่างสถาบันการเงิน อย่างไรก็ตาม ธนาคารที่เข้าร่วมถึง 7 แห่งกำลังมุ่งไปที่การจัดตั้งพันธมิตรเพื่อออกสเตเบิลคอยน์ของตนเอง โดยมองว่าโครงสร้างดังกล่าวมีความคล้ายคลึงกับระบบโทเคนเงินฝากเดิม และอาจเปิดทางให้ภาคเอกชนมีบทบาทมากขึ้น

ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ *ความแตกต่างระหว่าง ‘สเตเบิลคอยน์’ และ ‘โทเคนเงินฝาก’* ที่ยังไม่ชัดเจน ธนาคารกลางเกาหลีระบุว่า โทเคนเงินฝากจะมีบทบาทของธนาคารกลางเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ซึ่งแตกต่างจากสเตเบิลคอยน์ที่ภาคเอกชนเป็นผู้นำ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานทั่วไปอาจไม่รับรู้ถึงความแตกต่างนี้ ซึ่งเสี่ยงต่อการสร้างความสับสนในการพัฒนา *เงินดิจิทัลสำหรับประชาชน (Retail CBDC)* ในอนาคต

ในรัฐสภา ความเห็นด้านนโยบายกำลังแบ่งแยกอย่างชัดเจน ระหว่างสองร่างกฎหมายที่เพิ่งถูกเสนอ ร่างหนึ่งอนุญาตให้มี *การให้ดอกเบี้ยกับสเตเบิลคอยน์* ส่วนอีกร่างสั่งห้ามโดยเด็ดขาด จุดนี้กลายเป็นจุดปะทะหลักระหว่างนักการเมือง และอาจชะลอการดำเนินมาตรการในระยะสั้น มิน บยองด็อก สมาชิกพรรคฝ่ายรัฐบาลและประธานคณะกรรมการสินทรัพย์ดิจิทัลกล่าวทำนองวิจารณ์ว่า “ตอนนี้สเตเบิลคอยน์กำลังเป็นคลื่นยักษ์ แต่เรากลับมัวแต่ทะเลาะกันว่าใครจะเป็นคนถือหางเสือในเรือลำเล็กนี้”

ธนาคารกลางยังคงแสดงความกังวลเกี่ยวกับ *เสถียรภาพทางการเงิน* โดยชี้ว่า หากเปิดให้หน่วยงานนอกระบบธนาคารออกสเตเบิลคอยน์ อาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านการฟอกเงิน หรือวิกฤตสภาพคล่อง อย่างไรก็ตาม นักการเมืองบางรายและผู้เชี่ยวชาญมองต่างออกไป โดยเสนอให้เกาหลีใต้เร่งสร้างกฎหมายที่ทันสมัยเพื่อตอบสนองต่อมาตรฐานระดับโลก อ้างอิงจากกรณีกฎหมาย Genius Act ของสหรัฐฯ ที่ผลักดันด้านนวัตกรรมควบคู่กับความปลอดภัย

อีกหนึ่งประเด็นที่กำลังถกเถียงอย่างกว้างขวางคือผลกระทบจากการออก *สเตเบิลคอยน์ที่อิงกับวอนเกาหลี* ในสภาพที่ยังไม่มีการเปิดเสรีตลาดเงินตราต่างประเทศ วอนไม่ได้สามารถซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมงในตลาดโลก หากมีการสร้างสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใช้วอนเป็นฐาน ก็มีความเสี่ยงที่ตลาดจะเปิดรับการเก็งกำไรมากขึ้นและอาจกระทบเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยน ศาสตราจารย์ พัก ซอนยอง ซึ่งเขียนบทความให้กับสื่อหลักย้ำว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่เกาหลีต้องผลักดัน 'การทำให้วอนเป็นสากล' ให้สำเร็จ ก่อนตัดสินใจออกสเตเบิลคอยน์ในระดับโลก

แม้กระแส *สเตเบิลคอยน์* กำลังขยายแบบก้าวกระโดด แต่ยังไม่แน่ชัดว่า จะมีอิทธิพลมากพอที่จะสั่นคลอนนโยบายการเงินหรือเสถียรภาพค่าเงินของเกาหลีหรือไม่ เปรียบประหนึ่งคำกล่าวของ มิน บยองด็อก ที่ถามว่า “เรือลำเล็กนี้จะทนอยู่ในคลื่นใหญ่ได้นานแค่ไหน?” คำตอบคงอยู่ที่โครงสร้างนโยบายและความสามารถในการกำกับดูแลอย่างมีประสิทธิภาพในระยะถัดไป

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1