ในขณะที่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลยังคงเคลื่อนไหวแบบไร้ทิศทาง บนโซเชียลมีเดียกลับเต็มไปด้วยการพูดคุยที่คึกคักเกี่ยวกับเหรียญบางตัว โดยจากข้อมูลล่าสุดที่เผยแพร่โดยแพลตฟอร์มวิเคราะห์บนเชนอย่าง Santiment พบว่า *โซลานา(SOL)* และ *อีเธอเรียม(ETH)* ครองสัดส่วนของบทสนทนาสูงที่สุด ขณะที่ *ทรอน(TRX)* และ *สเตลลาร์ลูเมน(XLM)* ตามมาติด ๆ
*โซลานา(SOL)* กลายเป็นจุดสนใจของชุมชนอย่างรวดเร็ว จากปัจจัยหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นธุรกรรมขนาดใหญ่จากสถาบัน การเติบโตของระบบนิเวศการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง (DeFi) และความเคลื่อนไหวในโปรเจกต์ NFT ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการที่บริษัท Ark Invest และ Invesco Galaxy ยื่นคำขอเปิดตัวกองทุน ETF บนโซลานา และ Ark Invest เองก็แสดงความตั้งใจในการเข้าร่วมการสเตกและถือครองสินทรัพย์โซลานา นำไปสู่การจับตาจากตลาดอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ยังเลื่อนการตัดสินใจอนุมัติ ETF โซลานาแบบสปอตของ Grayscale ออกไปเป็นเดือนตุลาคม ส่งผลให้ความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น
แนวโน้มเหล่านี้ได้ขยายไปสู่การเปรียบเทียบระหว่างโซลานากับอีเธอเรียม หรือแม้แต่เครือข่าย Base ของ Coinbase โดยภายในชุมชนยังพูดถึงกรณีหลอกลวงที่พุ่งเป้าไปยังกระเป๋าเงินโซลานา รวมถึงความคาดหวังต่อการเปิดตัวกระดานซื้อขายไร้ศูนย์กลาง (DEX) บนแพลตฟอร์มด้วย
ด้าน *อีเธอเรียม(ETH)* ก็เป็นประเด็นร้อนบนหลายแพลตฟอร์ม ตั้งแต่กรณีฟิชชิ่งที่ส่งผลให้มีผู้ใช้งานถูกขโมย ETH ซึ่งกลายเป็นประเด็นถกเถียงด้านความปลอดภัยบน Reddit จนถึงบทสนทนาใน Telegram เกี่ยวกับบทบาทของอีเธอเรียมในฐานะโครงสร้างพื้นฐานของสมาร์ตคอนแทรกต์, การเงินแบบไร้ศูนย์กลาง, NFT, นวัตกรรม Layer 2 และการเปิดรับของสถาบัน โดยเฉพาะในโอกาสครบรอบ ‘10 ปีแห่งการเปิดตัวอีเธอเรียม’ ที่ได้รับการเฉลิมฉลองผ่าน X (อดีต Twitter) ทำให้เทคโนโลยีและสถานะของ ETH ในตลาดถูกนำกลับมาให้ความสำคัญอีกครั้ง
ขณะที่ *สเตลลาร์ลูเมน(XLM)* จุดกระแสในชุมชนจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคเกี่ยวกับราคา ไม่ว่าจะเป็นแนวรับหรือโอกาส Golden Cross รวมถึงการเปรียบเทียบกับ *ริปเปิล(XRP)* สิ่งที่น่าสนใจคือปัญหาการใช้งานร่วมกันของกระเป๋าเงินระหว่างสเตลลาร์กับ Binance Smart Chain และความสับสนของการออกโทเคนและยอดคงเหลือ ล้วนเป็นปัจจัยที่ดึงดูดสายตาของผู้ใช้งาน นอกจากนี้ กิจกรรมของโทเคน VELO บนเครือข่ายสเตลลาร์ยังช่วยกระจายกระแสการพูดคุยออกไปอีกด้วย
ส่วน *ทรอน(TRX)* สร้างความโดดเด่นจากจุดแข็งด้านการโอน *USDT ตามมาตรฐาน TRC20* ที่ไร้ค่าธรรมเนียมและรวดเร็ว ประกอบกับแผนการระดมทุนมูลค่ากว่า *1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.39 ล้านล้านวอน)* สำหรับการจัดตั้งกองทุน Treasury ของ TRX เป็นปัจจัยหลักที่เปิดเกมกระตุ้นความสนใจของนักลงทุน
นอกเหนือจากเหรียญหลัก ๆ แล้ว โทเคนที่เคยไม่เป็นที่รู้จัก อย่าง *VINE* และ *OMNI* ก็กลายเป็นกระแสขึ้นมา โดย *OMNI* พุ่งขึ้นถึง *117% ภายในวันเดียว* บนกระดานซื้อขาย ZEDXION และมีผู้ใช้งานบางรายที่ได้กำไรมากถึง *1,218%* ซึ่งการเคลื่อนไหวนี้อาจเป็นอีกแรงหนุนที่ทำให้โทเคนดังกล่าวได้เข้าสู่การซื้อขายบน Upbit
สำหรับ *VINE* ราคาของเหรียญพุ่งสูงขึ้นหลังได้รับการกล่าวถึงโดย *อีลอน มัสก์* ในประเด็น ‘Vine AI’ ร่วมกับการเข้าซื้อจากนักลงทุนรายใหญ่ (วาฬ) และการนำเข้าจดทะเบียนใหม่ในบางกระดานซื้อขาย ทำให้กลายเป็นสินทรัพย์ที่หลายคนจับตามองในเชิงกลยุทธ์การเก็งกำไรระยะสั้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่ใช้เทคนิคการเทรดแบบสั้นหรือสแคลปปิ้ง อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลเกี่ยวกับ ‘ความผันผวนของราคา’ ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับฐานอย่างฉับพลันในระยะเวลาสั้น
ภาพรวมของเทรนด์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าตลาดคริปโตไม่ได้วัดกันแค่ ‘ราคา’ แต่รวมไปถึงบทสนทนาในชุมชนและทิศทางของกระแสการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเมื่อ ‘ปริมาณการพูดถึงในโซเชียลมีเดีย’ มักเป็นตัวบ่งชี้แนวโน้มความสนใจของตลาดในอนาคต ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการวางกลยุทธ์การลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความคิดเห็น 0