ราคาของโดจคอยน์(DOGE) กำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนัก หลังจากที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นเดือนสิงหาคม โดยลดลง 8.55% ภายในหนึ่งสัปดาห์ และร่วงลงอีก 3.37% ภายในวันเดียว สถานการณ์นี้กระตุ้นให้เกิด ‘ความไม่สมดุลในการชำระบัญชี’ ในตลาดอนุพันธ์อย่างรุนแรง โดยเฉพาะจากฝั่งของการถือสถานะขาย(short position)
ตามข้อมูลจาก CoinGlass สัดส่วนการชำระบัญชีของสถานะขายในตลาดฟิวเจอร์สโดจคอยน์พุ่งขึ้นถึง *25,341%* เมื่อเทียบกับสถานะซื้อ ถือเป็นระดับที่สูงผิดปกติ และแสดงให้เห็นว่าการปรับฐานราคาครั้งนี้น่าจะไม่ได้เกิดจากแนวโน้มขาลงที่แข็งแกร่ง ความเสียหายจากการชำระบัญชีฝั่งขายอยู่ที่ประมาณ 1.48 ล้านบาท ในขณะที่ฝั่งซื้อก็ได้รับผลกระทบบ้างเช่นกัน ส่งผลให้มูลค่าการชำระบัญชีรวมแตะประมาณ 1.49 ล้านบาท
ราคาที่ร่วงลงของโดจคอยน์เริ่มต้นจากระดับ $0.2082 และลดลงมาแตะ $0.2007 อีกทั้งปริมาณการซื้อขายต่อวันยังลดลงกว่า 13% เหลือเพียง 1.51 พันล้านดอลลาร์หรือประมาณ 2.09 หมื่นล้านบาท โดยช่วงราคาที่อยู่ระหว่าง *$0.2040 ถึง $0.2080* ถูกวิเคราะห์ว่าเป็น ‘เขตเสี่ยงต่อการชำระบัญชี’ สำหรับนักลงทุนรายย่อย ขณะที่นักลงทุนขนาดใหญ่หรือ ‘วาฬ’ กำลังเข้าสะสมเหรียญเพิ่มเติมในช่วงราคาต่ำ
ในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบว่าโดจคอยน์จำนวนกว่า 1 พันล้านเหรียญถูกโอนเข้าสู่กระเป๋าสตางค์ของวาฬ ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในกรณี *การสะสมของวาฬที่ใหญ่ที่สุดในรอบเดือน* สัญญาณนี้ถูกมองว่าอาจเป็น *สัญญาณบวกของการฟื้นตัว* เมื่อดูจากพฤติกรรมที่นักลงทุนสถาบันหรือวาฬมักสะสมเหรียญก่อนที่ราคาจะฟื้นตัวในอนาคต
ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่โดจคอยน์กลับมาทำการซื้อขายได้อีกครั้งเมื่อสัปดาห์ก่อน ปริมาณ *การเปิดสถานะค้าง(Open Interest)* ก็พุ่งขึ้นทันที สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่เริ่มฟื้นตัวในหมู่นักลงทุน แม้จะยังมีการขาดทุนในหมู่เทรดเดอร์สายสั้น แต่หากกระบวนการสะสมเหรียญยังคงดำเนินต่อไป ควบคู่กับความเชื่อมั่นที่กลับมา ก็มีความเป็นไปได้ที่ราคาจะเข้าสู่ช่วง ‘รีบาวด์’ ในระยะสั้นถึงกลาง
แม้ราคาโดจคอยน์จะยังคงมี *ความผันผวนสูง* แต่ปัจจัยอย่าง ‘ภาวะขายมากเกินไป’ และ ‘แรงซื้อจากวาฬ’ กำลังกลายเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักวิเคราะห์หลายรายเชื่อว่าการปรับฐานครั้งนี้อาจไม่ยืดเยื้อเท่าที่หลายคนกังวล.
ความคิดเห็น 0