คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ(SEC) ได้ตัดสินใจ ‘ระงับ’ กระบวนการฟ้องร้อง ไบแนนซ์ และ คอยน์เบส ชั่วคราว แต่คดีของ ริปเปิล(XRP) ยังคงเดินหน้าต่อ สิ่งนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมองว่า SEC กำลังให้ความสำคัญกับบางกรณีมากกว่ากรณีอื่น
เอลเลนอร์ เทอร์เรต นักข่าวจาก ฟ็อกซ์บิสสิเนส ให้ความเห็นว่า “SEC ไม่ได้หยุดดำเนินคดีทั้งหมดเกี่ยวกับคริปโทฯ เพียงแต่เลือกจัดลำดับความสำคัญให้กับคดีที่มี ‘กำหนดเส้นตายทางกฎหมาย’ เร่งด่วน ทำให้คดีของ ริปเปิล และ คราเคน(Disease) ยังคงดำเนินต่อไป"
ปัจจุบัน SEC กำหนดให้ ‘ระงับ’ คดีของ ไบแนนซ์ จนถึงวันที่ 14 เมษายน และคดี เลจิเล็กซ์(LedgerX) ถึงวันที่ 11 เมษายน นอกจากนี้ ในกรณีของ คอยน์เบส นั้น ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะขยายเส้นตายสำหรับการยื่นอุทธรณ์ออกไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม
อีกปัจจัยที่ส่งผลต่อทิศทางของ SEC คือ ‘การเปลี่ยนแปลงบุคลากรภายใน’ ซึ่งบุคคลสำคัญที่เคยเป็นผู้ดูแลคดีฟ้องร้องเกี่ยวกับคริปโทฯ ได้ถูกโยกย้ายไปยังแผนกไอที ทำให้มีการประเมินว่าทิศทางของ SEC มีโอกาสถูกปรับเปลี่ยน
ขณะเดียวกัน คาดการณ์ว่า พอล แอตคินส์ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อโดย ทรัมป์ อาจเข้ารับตำแหน่งประธาน SEC ทำให้แนวทางการกำกับดูแลคริปโทฯ อาจเปลี่ยนไป โดยมีโอกาสลดการดำเนินคดีต่อโครงการคริปโทฯ ซึ่งเป็นจุดที่ต้องจับตามอง
นอกจากความเปลี่ยนแปลงภายใน SEC แล้ว ฝ่ายนิติบัญญัติและคณะทำงานด้านสินทรัพย์ดิจิทัล กำลังเร่งออกกฎหมายใหม่เพื่อลด ‘ช่องว่างทางกฎหมาย’ ช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถบังคับใช้กฎหมายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
คดี ริปเปิล มีกำหนดพิจารณาคดีในช่วงกลางเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่ SEC อาจเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในระดับบริหารและโครงสร้างองค์กร โดยนักลงทุนหลายฝ่ายจับตาดูว่าจะมีผลกระทบอย่างไรต่อแนวทางในการดำเนินคดีของหน่วยงานนี้ต่อไป
ความคิดเห็น 0