พอล แอทกินส์(Paul Atkins) กรรมาธิการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) แสดงจุดยืนพร้อมสนับสนุนการปฏิรูปกฎระเบียบ เพื่อเปิดทางให้ *นักลงทุนรายย่อย* สามารถเข้าถึงกองทุนรวมแบบปิด (Private Equity) ได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยระบุว่าการดำเนินการนี้เกิดจากความร่วมมือกับ *รัฐบาลทรัมป์*
แนวทางดังกล่าวมีจุดเริ่มต้นจาก *คำสั่งฝ่ายบริหารที่ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนาม* ซึ่งอนุญาตให้ *บัญชีเงินบำนาญเกษียณ 401(k)* สามารถเข้าลงทุนใน *คริปโตเคอร์เรนซี* และ *สินทรัพย์ทางเลือกประเภทอื่น* ได้ คำสั่งนี้เปิดทางให้นายจ้างและพนักงานที่ร่วมกันลงเงินในบัญชี 401(k) มีทางเลือกลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น โดยไม่จำกัดอยู่เพียงกองทุนดั้งเดิมหรือหุ้น
แอทกินส์ระบุว่า นโยบายนี้อาจกลายเป็นโอกาสสำคัญในการขยาย *การลงทุนในสินทรัพย์ให้ผลตอบแทนสูง* ที่เคยจำกัดเฉพาะนักลงทุนสถาบัน ไปสู่ประชาชนทั่วไป เขาให้สัมภาษณ์กับ Fox Business ว่า "*เป็นเรื่องไม่ยุติธรรมที่ประชาชนผู้มีบัญชี 401(k) ต้องถูกตัดออกจากโอกาสทางการเงิน ทั้งที่สถาบันใหญ่ เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญของรัฐ หรือกองทุนขนาดใหญ่ สามารถกระจายลงทุนในตลาดทั้งแบบสาธารณะและส่วนตัวได้อย่างเสรี*"
เขายังชี้ว่า เป้าหมายหลักของคำสั่งนี้คือการให้ *กระทรวงแรงงาน* ทำงานร่วมกับ *SEC* เพื่อจัดการกับความเหลื่อมล้ำในโอกาสการลงทุน อย่างไรก็ตาม แอทกินส์เตือนว่า การเปิดทางให้ลงทุนในคริปโตและสินทรัพย์ทางเลือก *ต้องอยู่ภายใต้กรอบกำกับดูแลที่เหมาะสม* เพื่อปกป้องนักลงทุน “เราต้องหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่นักลงทุนไม่เข้าใจเนื้อหาการลงทุน แต่รีบเร่งเข้าสู่ตลาดเพียงเพราะมันเปิดให้เข้าถึงได้” เขากล่าว
การเปิดกว้างทางกฎหมายในครั้งนี้ อาจส่งผลให้ *บิตคอยน์(BTC), เอ이다(ADA), โพลิกอน(MATIC), และเชนลิงค์(LINK)* กลายเป็นสินทรัพย์ยอดนิยมตัวใหม่ในกองทุนเกษียณของชาวอเมริกัน ความคาดหวังของตลาดเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ *อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการผลักดันคริปโตเข้าสู่ระบบการเงินอย่างเป็นทางการ* ความเห็นจากหลายฝ่ายชี้ว่า หากดำเนินการอย่างระมัดระวัง นี่อาจเป็นช่วงเวลา ‘เปิดตลาดใหม่’ ของภาคสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับสถาบัน
ความคิดเห็น 0