บิตคอยน์(BTC) เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ด้วยแรง ‘ขาย’ ที่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ราคาพุ่งแรงจนทำจุดสูงสุดใหม่แบบไม่เคยมีมาก่อนในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุด บิตคอยน์ร่วงลงเกือบ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 1.39 ล้านบาท) ภายในไม่กี่ชั่วโมงในวันจันทร์ ทำให้นักลงทุนหลายรายเริ่มเปรียบเทียบกับสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในปี 2021
เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาบิตคอยน์เคยพุ่งทะลุ 124,500 ดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 17.3 ล้านบาท) แต่ว่าการปรับฐานอย่างต่อเนื่องในช่วงสุดสัปดาห์ส่งผลให้ราคาดิ่งลงทันทีมากกว่า 2% ในเช้าวันจันทร์ โดยรวมแล้วบิตคอยน์ร่วงลงจากจุดสูงสุดเกินกว่า 10,000 ดอลลาร์ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นการปรับฐานระยะสั้นที่มีนัยสำคัญ
นักวิเคราะห์ตลาดเชื่อว่าการปรับลงครั้งนี้อาจเกี่ยวข้องกับ *การจัดการคำสั่งซื้อ (order-book manipulation)* โดยคาดว่ารายใหญ่บางรายพยายามกดราคาลงเพื่อสะสมเหรียญในราคาต่ำ ซึ่งชี้ให้เห็นถึง *ความต่อเนื่องของการสะสมสินทรัพย์* แม้จะมีแรงขายจากการทำกำไรก็ตาม
ปัจจัยมหภาคจากฝั่งสหรัฐก็เข้ามากระทบตลาดอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการประชุมประจำปีที่แจ็กสันโฮล ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจเปิดเผยจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายทางการเงิน ท่ามกลางการต่อสู้กับ *ภาวะเงินเฟ้อ* ที่ยังคงดำเนินอยู่ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกเขย่าโดยความหวังเรื่อง *การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน* ที่อาจสร้างผลกระทบทางบวกหากเกิดขึ้นจริง
ในสภาวะที่มีปัจจัยซ้อนทับกันหลายด้าน แนวโน้มทางเทคนิคของบิตคอยน์ในตอนนี้บ่งชี้ว่า *แรงส่งขาขึ้นอาจถูกจำกัด* อีกทั้งสัญญาณอย่าง *ค่าพรีเมียมบวกของโคอินเบส(Coinbase Premium)* ซึ่งควรจะสนับสนุนราคาบิตคอยน์ กลับสวนทางกับพฤติกรรมราคาที่อ่อนตัวลง ซึ่งยิ่งสร้าง “ความสับสน” ให้กับนักลงทุน
โดยรวมแล้ว ตลาดบิตคอยน์กำลังเผชิญกับช่วงเวลาสำคัญ หลังจากราคาปรับขึ้นต่อเนื่องมาแล้ว 7 สัปดาห์ติดต่อกัน การหยุดพักในครั้งนี้อาจเป็นแค่โอกาสสำหรับ *การตั้งฐานใหม่ก่อนกลับตัวขึ้นอีกครั้ง* หรืออาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแนวโน้มก็เป็นได้ ในขณะที่นักลงทุนระยะยาวต้องเตรียมรับมือกับ *ช่วงเวลาทำกำไรที่สั้นลง และความผันผวนที่รุนแรงมากขึ้น* ความหวังของจุดสูงสุดใหม่ยังคงอยู่ แต่เส้นทางอาจไม่เรียบง่ายอย่างที่หลายคนคาดหวัง
ความคิดเห็น 0