ทางการเงินของฮ่องกงได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงในการฉ้อโกงที่เพิ่มขึ้นจากการประกาศใช้นโยบายควบคุม *สเตเบิลคอยน์* ฉบับใหม่ แม้ว่าตัวกฎระเบียบจะมีจุดประสงค์เพื่อสร้างระเบียบให้กับตลาด แต่กลายเป็นว่าบางบริษัทกลับใช้โอกาสนี้ในการออกประกาศเกินจริง หรือหวังเกาะกระแสเพื่อปั่นราคาหุ้น จนสร้างความเสี่ยงต่อผู้ลงทุนอย่างมาก
เมื่อวันที่ 24 สำนักคณะกรรมการหลักทรัพย์และฟิวเจอร์สของฮ่องกง(SFC) โดย เย่ จื้อเฮิง(Ye Zhiheng) ผู้อำนวยการฝ่ายนายหน้าซื้อขาย ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อเศรษฐกิจจีน Zhitongcaijing ระบุว่า การเริ่มบังคับใช้ระเบียบใหม่เกี่ยวกับ ‘สเตเบิลคอยน์’ อาจเปิดช่องให้เกิดกรณีฉ้อโกงมากขึ้น พร้อมเตือนว่า ผู้ลงทุนจำนวนมากกำลังตัดสินใจลงทุนโดยปราศจากเหตุผลรองรับ เพราะถูกชักจูงจากราคาที่ผันผวนในระยะสั้นและภาวะตลาดที่ร้อนแรง
ก่อนหน้านี้ SFC และธนาคารกลางฮ่องกง(HKMA) ได้ออกแถลงการณ์ร่วม แสดงความกังวลถึงพฤติกรรมในตลาดที่ไม่ปกติ โดยระบุว่าหลายบริษัทเพียงแค่ *ประกาศความตั้งใจ* ที่จะยื่นขออนุญาตออก ‘สเตเบิลคอยน์’ ก็เพียงพอที่จะทำให้หุ้นพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ทั้งที่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการ ทางการชี้ว่าการปรากฏของข่าวเหล่านี้ในสื่อหรือบนโซเชียลมีเดียกลายเป็นต้นตอของการเก็งกำไร พร้อมประกาศว่าจะ ‘จับตา’ ความเคลื่อนไหวในตลาดอย่างใกล้ชิด และพร้อมดำเนินการอย่างเด็ดขาดหากพบการปั่นราคาหรือพฤติกรรมต้องสงสัย
กฎหมายใหม่ที่มีชื่อว่า 'กฎหมายควบคุมสเตเบิลคอยน์' มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยกำหนดให้การออกหรือโฆษณา ‘สเตเบิลคอยน์ที่อิงกับเงินเฟียต’ โดยไม่มีใบอนุญาตเป็นความผิดทางอาญา และห้ามทำการซื้อขายต่อสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย ทั้งนี้ ฮ่องกงยังได้เปิดระบบการลงทะเบียนแบบสาธารณะเพื่อควบคุมกระบวนการให้ใบอนุญาตแบบโปร่งใส
กระนั้นทันทีหลังจากออกกฎหมาย บริษัทที่เกี่ยวข้องกับ ‘สเตเบิลคอยน์’ หลายแห่งในฮ่องกงก็ปรับตัว *ลดลงทันทีเป็นเลขสองหลัก* นักวิเคราะห์มองว่าเป็น “แรงขายที่สะท้อนถึงความเข้มงวดของกฎใหม่” และบางส่วนนั้นถือว่าเป็น *การปรับฐานที่ดี* แต่ก็เตือนไม่ควรมองข้ามความเสี่ยงต่อ “ความไม่เชื่อมั่นในระยะยาว” ของผู้ลงทุน
เย่ จื้อเฮิง กล่าวเพิ่มเติมว่า “บริษัทบางแห่งที่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตทางการ กลับสามารถทำให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นได้เพียงเพราะ *ประกาศความตั้งใจแบบลอยๆ* ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมเก็งกำไรเกินควร” พร้อมเรียกร้องให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวัง และตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจตามกระแสตลาด
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา SFC ยังได้ประกาศแนวทางใหม่สำหรับบริการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล(Custody) ซึ่งรวมถึงการ *ห้ามใช้สัญญาอัจฉริยะในคอลด์วอลเลต* โดยตรง ชี้ว่าเป็นเพื่อยกระดับความปลอดภัย แม้ว่าข้อกำหนดนี้อาจขัดแย้งกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทต่างชาติบางแห่งก็ตาม มีรายงานว่าแนวทางใหม่นี้ถูกมองว่าเป็นก้าวที่ดีในด้าน ‘ความปลอดภัย’ แต่ในทางปฏิบัติอาจเป็นความท้าทายสำหรับทีมปฏิบัติการของอุตสาหกรรม
*ความเคลื่อนไหวของฮ่องกงในการควบคุมตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล* แสดงให้เห็นถึงเป้าหมายชัดเจนในการดึงภาคส่วนนี้เข้าสู่ระบบนิเวศทางการเงินอย่างเต็มรูปแบบ ความตั้งใจของภาครัฐในการสร้างความโปร่งใสและป้องกันการฉวยโอกาส ยิ่งตอกย้ำว่าฮ่องกงต้องการเป็นศูนย์กลางการเงินดิจิทัลอย่างมั่นคง แม้ต้องแลกกับการสั่นคลอนความมั่นใจชั่วคราวในภาคเอกชนก็ตาม
ความคิดเห็น 0