นักเทรดรายหนึ่งสูญเสียผลกำไรนับพันล้านในเวลาเพียง 48 ชั่วโมง หลังจากใช้ประโยชน์จากการพุ่งขึ้นของอีเธอเรียม(ETH)และลงทุนซ้ำอย่างเสี่ยงเกินไป โดยเริ่มจากเงินลงทุนประมาณ 1.7 ล้านบาท (125,000 ดอลลาร์) และสามารถเปลี่ยนเป็นผลตอบแทนหลายพันล้านบาทได้ภายในระยะเวลาไม่นาน ก่อนที่การตัดสินใจเข้าสู่ตลาดอีกครั้งหลังขายทำกำไรจะนำไปสู่ความสูญเสียครั้งใหญ่
ตามรายงานของ Lookonchain เมื่อวันที่ 24 เทรดเดอร์นิรนามรายนี้ใช้แพลตฟอร์มอนุพันธ์ Hyperliquid เปิดสถานะ ‘ลอง’ ขนาดใหญ่ในอีเธอเรียม คิดเป็นมูลค่าราว 9,160 ล้านบาท (ประมาณ 66,749 ETH) ส่งผลให้บัญชีของเขาโตแตะจุดสูงสุดที่ราว 571 ล้านบาท (41.1 ล้านดอลลาร์) อย่างไรก็ตาม หลังจากขายทำกำไร ยอดเงินในบัญชีลดลงเหลือเพียง 97 ล้านบาท (6.99 ล้านดอลลาร์) และการกลับเข้าซื้ออีกครั้ง กลับทำให้มูลค่าทรัพย์สินถูกลีควิเดตอีกครั้ง เหลือเพียง 10.7 ล้านบาท (771,000 ดอลลาร์)
Lookonchain ชี้ว่าความเสียหายครั้งนี้เกิดจากการไม่จัดการ ‘ความเสี่ยง’ อย่างเหมาะสม แม้รายการเทรดจะสร้างผลตอบแทนที่น่าทึ่งในช่วงแรก แต่ความโลภและการเข้าสู่ตลาดโดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์ ทำให้เขาขาดทุนจนแทบหมดตัวในเวลาเพียงสองวัน
ในอีกด้านหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการปรับฐานของราคาอีเธอเรียม เป็น ‘โอกาส’ สำหรับนักลงทุนระยะยาว โดย มิคาเอล ฟาน เดอ ป็อป(Michaël van de Poppe) ผู้ก่อตั้ง MNเทรดดิ้ง ระบุว่า ETH อาจเข้าสู่ ‘ช่วงสะสม’ โดยเขามองว่าราคาที่ลดลงจากจุดสูงสุดที่ประมาณ 660,000 บาท (4,750 ดอลลาร์) เหลือระดับ 585,000 บาท (4,200 ดอลลาร์) เป็นโอกาสทองในการเข้าซื้อ พร้อมคาดว่าอีเธอเรียมมีโอกาส ‘รีบาวด์อย่างน้อย 10%’
ขณะที่แพลตฟอร์มด้านความเคลื่อนไหวของตลาด Kiyotaka วิเคราะห์ว่า มีคำสั่งซื้อจำนวนมากรออยู่ที่ระดับ 542,000 บาท (3,900 ดอลลาร์) ซึ่งอาจเป็นแนวรับสำคัญที่หนุนไม่ให้ราคาร่วงหนักไปกว่านี้
*ความคิดเห็น:* กรณีนี้ตอกย้ำว่าในโลกของคริปโต ‘ผลตอบแทนสูงย่อมมาพร้อมความเสี่ยงสูง’ การไม่มีแผนจัดการความเสี่ยงอาจทำให้นักลงทุนต้องเสียทุกอย่างในเวลาอันสั้น ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำว่าการ ‘ทยอยซื้ออย่างมีกลยุทธ์’ พร้อมกับมีวินัยในการออกจากตลาดเมื่อถึงจุดที่เหมาะสม คือกุญแจสำคัญในการอยู่รอดในตลาดที่ผันผวนอย่างรุนแรงเช่นนี้
ความคิดเห็น 0