บิล มิลเลอร์(Bill Miller) นักลงทุนชื่อดังผู้สนับสนุนบิตคอยน์(BTC) ได้เน้นย้ำกลยุทธ์การลงทุนเชิงรุกในตลาดหุ้นขนาดเล็ก โดยเขาให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘Closing Bell’ ของ CNBC เมื่อวันที่ 24 ว่าตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวในภาพรวม และนี่คือโอกาสที่เหมาะสมสำหรับการ "เข้าซื้อหุ้นขนาดเล็กอย่างจริงจัง" โดยเขามองว่าหุ้นกลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจมีความน่าจับตามองเป็นพิเศษ และเวลานี้เป็นช่วงที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนเชิงรุก
มิลเลอร์อ้างถึงดัชนีรัสเซล 2000(Russell 2000) ซึ่งมีมากกว่า 90% ของหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ พร้อมวิเคราะห์ว่านี่เป็น *สัญญาณเชิงบวก* ซึ่งไม่เคยเห็นมานานกว่า 3 ปี และอาจสะท้อนถึงการเปลี่ยนทิศทางของตลาดอย่างแท้จริง เขายังยกตัวอย่างช่วงปี 1999 ถึง 2006 ว่าหุ้นเติบโตขนาดใหญ่ในขณะนั้นปรับตัวลดลงราว 30% ขณะที่หุ้นขนาดเล็กกลับเดินหน้าได้ดี ซึ่งเขาเชื่อว่าสถานการณ์คล้ายคลึงกันอาจเกิดขึ้นอีกครั้ง
ในด้านของอัตราเงินเฟ้อ มิลเลอร์มองว่า “เงินเฟ้อปัจจุบันอยู่ในระดับประมาณ 2.6% ต่อปี ซึ่งจัดการได้ง่ายมาก” พร้อมชี้ว่าเศรษฐกิจในอนาคตอาจดำเนินไปในลักษณะเดียวกับช่วงปี 2000 ถึง 2006 คือมีนโยบายดอกเบี้ยต่ำและเงินเฟ้อต่ำ และเขาไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางจะกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอีกครั้ง
ส่วนทางด้านบิตคอยน์(BTC) ในวันเดียวกัน ได้ร่วงลงไปแตะระดับ 113,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.57 ล้านบาท) สอดคล้องกับการปรับตัวลงของดัชนีแนสแด็ก100 ที่เน้นกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี ก่อนจะฟื้นกลับมาเทรดเหนือระดับ 114,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.58 ล้านบาท) แม้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีซบเซาพร้อมกับหุ้นเทคโนโลยี แต่ *มิลเลอร์ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่ออนาคตของบิตคอยน์*
เขาเคยกล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า “ภายใน 30 ปีข้างหน้า ทุกบริษัทจะถือครองบิตคอยน์เป็นทรัพย์สิน” พร้อมระบุว่า BTC สามารถกลายเป็น *สินทรัพย์หลักประจำงบดุลขององค์กร* ท่ามกลางบริษัทจดทะเบียนในแนสแด็ก อย่างเช่น ไมโครสตราเทจี(MSTR) ที่ได้นำบิตคอยน์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของงบการเงิน และได้ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในทางบวก
*ความคิดเห็น:* คำกล่าวของมิลเลอร์กำลังกลายเป็นแนวทางสำคัญสำหรับนักลงทุนในช่วงที่ตลาดผันผวน โดยเฉพาะคำแนะนำให้หันไปจับตามอง ‘หุ้นขนาดเล็ก’ ซึ่งอาจถูกมองข้าม ขณะเดียวกัน สิ่งที่เขาให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องคือ ‘ความสัมพันธ์ระหว่างบิตคอยน์กับหุ้นเทคโนโลยี’ และ ‘การควบคุมเงินเฟ้อในระยะยาว’ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยผลักดันให้คริปโตได้กลับมาเป็นทางเลือกในการลงทุนอีกครั้งในอนาคต
ความคิดเห็น 0