ไมโครซอฟท์(MSFT) เปิดตัวชิปควอนตัม ‘Majorana 1’ ซึ่งอาจเร่งให้บิตคอยน์(BTC) ต้องพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันการโจมตีจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
อเล็กซานเดอร์ ไลช์แมน(Alexander Leishman) ซีอีโอของริเวอร์(River) โพสต์ผ่าน X เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ว่า "แม้ว่าการพัฒนาของคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่สามารถคุกคามคริปโตเคอร์เรนซียังต้องใช้เวลาอีกหลายปี แต่ชิปตัวใหม่นี้ของไมโครซอฟท์อาจทำให้เวลานั้นมาถึงเร็วขึ้น"
ชิป Majorana 1 ยังไม่พร้อมใช้งานในเชิงพาณิชย์ แต่มีการคาดการณ์ว่าอาจขยายสเกลไปถึง 1 ล้านคิวบิต (Qubit) ภายในปี 2027-2029 ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อความปลอดภัยของบิตคอยน์ได้ ริเวอร์เตือนว่าหากคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 1 ล้านคิวบิตสามารถทำงานต่อเนื่องได้หลายวันหรือหลายสัปดาห์ อาจนำไปสู่การ ‘แคร็ก’ ที่อยู่บิตคอยน์ผ่านการโจมตีระยะยาว อย่างไรก็ตาม ริเวอร์มองว่า "บิตคอยน์ยังเหลือเวลาอีกราว 10 ปีก่อนที่มันจะต้องพร้อมรับมือกับภัยคุกคามนี้ แต่การเตรียมตัวล่วงหน้าเป็นสิ่งจำเป็น"
แม้กระนั้น มีบางมุมมองที่ยังไม่เชื่อว่าคอมพิวเตอร์ควอนตัมจะเป็นภัยคุกคามต่อบิตคอยน์จริง นักวิเคราะห์บางรายมองว่า ตลาดคริปโตที่มีมูลค่าประมาณ 3.2 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 4,608 ล้านล้านบาท) ยังเล็กกว่าตลาดการเงินแบบดั้งเดิมที่มีมูลค่ากว่า 188 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 27.72 ล้านล้านบาท) ซึ่งหมายความว่าหากคอมพิวเตอร์ควอนตัมสามารถถอดรหัสข้อมูลได้จริง มันอาจถูกใช้โจมตีระบบการเงินแบบเดิมมากกว่าการเจาะเข้าระบบของบิตคอยน์
อาดัม แบ็ก(Adam Back) นักเข้ารหัสชื่อดังกล่าวเสริมว่า "ภัยคุกคามจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมอย่างจริงจังอาจต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปี" แต่เขาก็ย้ำว่าบิตคอยน์ได้เริ่มดำเนินการพัฒนาโครงสร้างลายเซ็นที่ป้องกันควอนตัม (post-quantum signatures) แล้ว และในที่สุดจะมีโซลูชันที่ปลอดภัยขึ้น
ขณะเดียวกัน เอเดรียน มอร์ริส(Adrian Morris) ผู้สนับสนุนบิตคอยน์ชี้ให้เห็นว่า "เทคโนโลยีควอนตัมยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและเผชิญกับอุปสรรคทางเทคนิค เช่น ปัญหาด้านอุณหพลศาสตร์ ข้อจำกัดของระบบหน่วยความจำ และการรักษาสภาวะของการคำนวณให้เสถียร"
ด้านเพรสตัน พิช(Preston Pysh) ตั้งข้อสังเกตว่าชุมชนบิตคอยน์ไม่ได้เพิกเฉยต่อปัญหานี้ โดยปัจจุบัน BIP-360 กำลังถูกพิจารณาให้เป็นแนวทางแก้ไขเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของเครือข่าย ซึ่งเป็นข้อเสนอที่สามารถนำมาใช้ผ่านซอฟต์ฟอร์กและจะช่วยให้บิตคอยน์สามารถต้านทานการโจมตีจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมได้
อย่างไรก็ตาม ไลช์แมนโต้แย้งแนวคิดที่ว่าคอมพิวเตอร์ควอนตัมจะเล่นงานระบบการเงินก่อนบิตคอยน์ โดยระบุว่า "สถาบันการเงินมีโครงสร้างความปลอดภัยที่ซับซ้อน เช่น การยืนยันตัวตนหลายชั้นและการเข้ารหัสแบบสมมาตร ในขณะที่บิตคอยน์มีความเสี่ยงทันทีเมื่อกุญแจสาธารณะถูกเปิดเผย"
ในภาพรวม อุตสาหกรรมคริปโตยังคงจับตามองการพัฒนาของเทคโนโลยีควอนตัม พร้อมทั้งเร่งหาทางออกเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของเครือข่ายบิตคอยน์ให้สามารถรองรับอนาคตได้
ความคิดเห็น 0