บิตคอยน์(BTC) เริ่มต้นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนสิงหาคมด้วยราคาที่ห่างไกลจากจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางภาวะตลาดที่ยังคง ‘อ่อนแรง’ อย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรยากาศการลงทุนเต็มไปด้วยความไม่มั่นคง นักลงทุนต่างจับตาระดับแนวรับใหม่และโอกาสในการฟื้นตัวของราคา
ในระหว่างกระบวนการปรับฐานของตลาดเมื่อไม่นานมานี้ มีการชำระบัญชีโพซิชัน Long เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ระดับราคา ‘11,000 ดอลลาร์’ หรือราว 1.53 ล้านบาท ซึ่งเป็นจุดเก่าของ ‘ช่องว่าง (Gap)’ ที่ยังไม่ได้รับการปิดในตลาดฟิวเจอร์สของตลาดซื้อขายชิคาโก(CME) กลายเป็นที่สนใจ แม้โอกาสที่ราคาจะร่วงลงไปถึงจุดนี้ยังคงต่ำ แต่กลุ่มนักลงทุนบางส่วนที่ยังมองโลกในแง่ดี ก็ยกให้เป็น ‘แนวรับทางจิตวิทยา’
ขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวของนักลงทุนรายใหญ่หรือที่เรียกว่า ‘วาฬ’ ก็สะท้อนสัญญาณของ ‘การปรับเปลี่ยนพอร์ต’ โดยมีการเปลี่ยนคริปโตจากบิตคอยน์(BTC) ไปยังอีเธอเรียม(ETH) ส่งผลให้เกิดการถกเถียงถึงความเป็นไปได้ที่กลุ่มวาฬจะกำลังวางกลยุทธ์ ‘หลีกเลี่ยงความเสี่ยง’ ผ่านการลดการถือครองบิตคอยน์ อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักลงทุนรายย่อยยังคงทำการสะสมบิตคอยน์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อน ‘ความเชื่อมั่น’ ต่อระยะยาวในสินทรัพย์นี้
แนวโน้มราคาที่ผันผวนของบิตคอยน์ในช่วงนี้ ทำให้กระแสข่าวเรื่อง ‘จบรอบขาขึ้น’ เริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น โดยนักวิเคราะห์บางรายระบุว่ามีโอกาสที่ราคาจะย่อลงไปทดสอบระดับต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.39 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นข่าวร้ายสำหรับกลุ่มนักลงทุนที่หวังการขยับขึ้นของราคาในระยะใกล้
ส่วนปัจจัยสำคัญที่กำลังรอการเปิดเผยคือ ‘ดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE)’ ซึ่งเป็นมาตรวัดภาวะเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) ให้ความสำคัญ นักลงทุนคาดว่าหากตัวเลข PCE ออกมาต่ำกว่าคาด อาจเพิ่มความหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และเป็น ‘ตัวแปรสำคัญ’ ที่สร้าง *ความผันผวน* ให้แก่ราคาสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงบิตคอยน์
เมื่อพิจารณาร่วมกับสัญญาณทางเทคนิคและบรรยากาศโดยรวมของนักลงทุนในตลาด พบว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วง ‘ไร้ทิศทาง’ ที่ราคาถูกแกว่งขึ้นลงโดยไม่มีแนวโน้มชัดเจน ซึ่งหมายความว่า ทุกการเคลื่อนไหวในลำดับถัดไปจะพึ่งพา ‘ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และนโยบายการเงินของ Fed’ เป็นหลัก *ความคิดเห็น*: นักลงทุนควรจับตาทุกข้อมูลที่ออกมาในช่วงนี้อย่างใกล้ชิด เพราะอาจเป็นตัวกำหนดเส้นทางของตลาดคริปโตในระยะถัดไป
ความคิดเห็น 0