ราคาบิตคอยน์(BTC) ร่วงลงประมาณ 11% จากระดับสูงสุดล่าสุด สะท้อนสัญญาณ ‘ตลาดขาลง’ ที่เริ่มเด่นชัดขึ้น เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) บิตคอยน์ปรับตัวลดลงมาที่ราว **111,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.4 ล้านบาท)** ซึ่งส่งผลให้เกิดการ *ล้างพอร์ต* ครั้งใหญ่ในกลุ่มนักลงทุนที่ใช้ ‘เลเวอเรจ’ ด้วยตำแหน่ง Long มูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์ถูกบังคับปิดในช่วงเวลาเพียงวันเดียว สร้างความเสียหายให้แก่นักลงทุนจำนวนมาก
ระดับ **108,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15 ล้านบาท)** กำลังถูกจับตามองว่าอาจเป็น ‘แนวรับระยะสั้น’ ที่มีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายได้ออกมาแสดงมุมมองเชิงลบว่า หากระดับดังกล่าวถูกทะลุลงไป บิตคอยน์อาจดิ่งสู่บริเวณ **95,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 13.2 ล้านบาท)** ได้ในรอบถัดไป
จากข้อมูลของ CoinGlass ผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลตลาดคริปโต การปรับฐานของบิตคอยน์ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการพักตัวของราคาเท่านั้น แต่เป็นผลสืบเนื่องจากแรงขายที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในตลาด โดยเฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ไม่สามารถสร้างกระแสซื้อให้แข็งแกร่งเพียงพอ ทำให้แนวโน้มขาขึ้นเริ่มสั่นคลอน *ความคิดเห็น: ภาวะดังกล่าวชี้ให้เห็นว่านักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในการเข้าซื้อระยะสั้น*
ตลาดของอัลต์คอยน์เองก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงแรงกดดันจากราคาบิตคอยน์ได้ ทั้งอีเธอเรียม(ETH), โซลานา(SOL), และดอจคอยน์(DOGE) ต่างปรับตัวลดลงตามกันอย่างต่อเนื่อง และยังไม่พบสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนในระยะสั้น
อีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างแรงกดดันเพิ่มเติมคือ สถานการณ์ ‘มหภาค’ ทั่วโลก โดยเฉพาะในฝั่งสหรัฐที่การแข่งขันเลือกตั้งประธานาธิบดีกำลังเข้มข้นขึ้น การชูนโยบายด้านเศรษฐกิจของทั้งประธานาธิบดีทรัมป์ และประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังสร้างบรรยากาศที่เปราะบางในตลาดการเงิน และแน่นอนว่า ‘ตลาดคริปโต’ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน *ความคิดเห็น: ความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจทำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น*
ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ยังมีมุมมองที่ต่างกันว่า นี่เป็นเพียงการปรับฐานก่อนกลับขึ้น หรือจุดเริ่มต้นของภาวะหมีในระยะยาว แต่สิ่งที่เห็นพ้องกันคือ การนำเงินลงทุนเข้าสู่ตลาดในตอนนี้ควรเป็นแบบ *ระมัดระวัง* โดยหลีกเลี่ยงการใช้เลเวอเรจสูง ก่อนที่แนวโน้มราคาจะมีทิศทางที่ชัดเจนมากกว่านี้
ความคิดเห็น 0