ราคาบิตคอยน์(BTC) มีแนวโน้มพุ่งแตะระดับ 190,000 ดอลลาร์ในไตรมาส 3 ปี 2025 จากปัจจัยหนุนหลายด้านทั้งการขยายตัวของสภาพคล่องโลก การไหลเข้าของเงินทุนจากสถาบัน และสถานการณ์กฎระเบียบที่เริ่มผ่อนคลายลง ตามรายงานจากบริษัทวิจัยด้านคริปโตชื่อดัง ไทเกอร์รีเสิร์ช(Tiger Research) เมื่อวันที่ 24
ไทเกอร์รีเสิร์ชระบุว่า ขณะนี้ตลาดบิตคอยน์กำลังอยู่ในช่วงสภาวะเอื้อต่อการฟื้นตัวอย่างสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2021 โดยหนึ่งในสัญญาณสำคัญคือมูลค่ารวมของ M2 หรือปริมาณเงินในระบบของประเทศหลักทั่วโลกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 90 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่ง ‘มีความเป็นไปได้สูง’ ที่เม็ดเงินเหล่านี้จะบางส่วนหลั่งไหลเข้าสู่สินทรัพย์ดิจิทัลอย่างบิตคอยน์ ‘หากเป็นไปตามรูปแบบในอดีต’
นอกจากนี้ การส่งสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) รวมถึงแรงกดดันของประธานาธิบดีทรัมป์ในการลดอัตราดอกเบี้ย ยิ่งช่วยขับเคลื่อนความน่าสนใจของสินทรัพย์ทางเลือกอย่างบิตคอยน์มากยิ่งขึ้น
แรงหนุนหลักอีกประการคือสถาบันการเงินขนาดใหญ่เริ่มเข้าถือครองบิตคอยน์ในลักษณะที่เป็น ‘กลยุทธ์ระยะยาว’ โดยข้อมูลล่าสุดเผยว่า กองทุน ETF บิตคอยน์แบบสปอตในสหรัฐถือครองบิตคอยน์รวมกว่า 1.3 ล้าน BTC หรือราว 6% ของอุปทานทั้งหมด ในจำนวนนี้ บริษัทไมโครสเตรทิจี(MicroStrategy) เป็นเจ้าของมากถึง 629,000 BTC การจัดซื้อที่ต่อเนื่องผ่านการออกหุ้นกู้แปลงสภาพ ยังสะท้อนถึง ‘ความต้องการที่มั่นคง’ จากฝั่งสถาบันอีกด้วย
ในขณะที่นักลงทุนรายย่อยเริ่มมีบทบาทลดลง ปริมาณธุรกรรมเฉลี่ยต่อวันของบิตคอยน์ลดจาก 660,000 รายการในเดือนตุลาคม 2024 เหลือเพียง 380,000 รายการในเดือนมีนาคม 2025 อย่างไรก็ตาม มูลค่าต่อธุรกรรมกลับเพิ่มสูงขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าตลาดกำลังเปลี่ยนสู่โครงสร้างการซื้อขายขนาดใหญ่แต่น้อยครั้ง ‘โดยเน้นคุณค่ามากกว่าปริมาณ’
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือการอนุญาตให้นำเงินจากกองทุน 401(k) ซึ่งเป็นเงินเกษียณของสหรัฐมาลงทุนในบิตคอยน์ ซึ่งภายใต้การบริหารของทรัมป์ การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายนี้ส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาดในอนาคต โดยหากมีเพียง 1% ของเงินทุนจากกองทุน 401(k) ซึ่งมีมูลค่ารวม 8.9 ล้านล้านดอลลาร์ ไหลเข้ามาในบิตคอยน์ ก็จะคิดเป็นเงิน 89,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4% ของมูลค่าตลาดรวมในปัจจุบัน และด้วยธรรมชาติของกองทุนเกษียณที่เน้นเก็บสะสมในระยะยาว เงินทุนเหล่านี้จึงอาจช่วยเป็น ‘กันชนสำคัญ’ในช่วงขาลงของตลาด
อย่างไรก็ตาม ยังมีเสียงเตือนจากบางตัวชี้วัดที่แสดงสัญญาณร้อนแรง โดยค่า MVRV-Z ซึ่งวัดระดับราคากับมูลค่าที่แท้จริงแตะระดับ 2.49 และพุ่งขึ้นไปถึง 2.7 ในช่วงล่าสุด ซึ่งบ่งบอกถึง ‘โอกาสในการขายทำกำไรระยะสั้น’ ขณะที่ตัวชี้วัดอื่น เช่น aSOPR (1.019) และ NUPL (0.558) กลับมีท่าทีบ่งชี้ว่าตลาดยังคงอยู่ในระดับที่ ‘สุขภาพดี’ เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงทยอยซื้อบริเวณราคาต้นทุนเฉลี่ย และยังไม่มีแรงขายที่ชัดเจน
เมื่อประเมินจากข้อมูลทั้งหมด ไทเกอร์รีเสิร์ชจึงเสนอราคากลางของบิตคอยน์อยู่ที่ 135,000 ดอลลาร์ โดยนำตัวแปรด้าน ‘พื้นฐาน’ (+3.5%) และ ‘ภาวะเศรษฐกิจมหภาค’ (+35%) มาใช้เป็นค่าปรับถ่วงน้ำหนัก จนสรุปเป็นราคาเป้าหมายที่ 190,000 ดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นการปรับเพิ่มราว 67% จากราคาตลาดปัจจุบัน
ท้ายที่สุด รายงานนี้ยังเน้นย้ำด้วยว่า แม้จะมีความผันผวนในช่วงสั้น ตลาดบิตคอยน์กำลังเข้าสู่ ‘ยุคของการเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้าง’ โดยระบุว่า "บิตคอยน์กำลังถูกนิยามใหม่จากสินทรัพย์เพื่อเก็งกำไร ไปสู่สินทรัพย์การลงทุนที่มีพื้นฐานของความน่าเชื่อถือมากขึ้น" ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำระหว่างราคาและมูลค่าที่แท้จริงลงอย่างต่อเนื่องในอนาคต” — ไทเกอร์รีเสิร์ชระบุผ่านรายงาน
ความคิดเห็น 0