บิตคอยน์(BTC) กำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญ หลังจากราคาหลุดแนวรับทางเทคนิคสำคัญหลายระดับติดต่อกันในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยแรงซื้อและแรงขายที่อยู่ในภาวะสูสี ทำให้โอกาสที่ราคาจะปรับตัวลดลงยังคงมีสูง ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
ขณะนี้ บิตคอยน์ได้หลุดแนวโน้มขาขึ้นที่คอยพยุงราคามาหลายเดือน โดยเฉพาะระดับ *12 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ* (ประมาณ 1.66 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นแนวรับหลัก ได้ถูกทะลุลงมา พร้อมสร้างความวิตกต่อสัญญาณการกลับทิศลงในระยะสั้น นอกจากนี้ ราคายังเข้าใกล้ระดับ *11 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ* (ประมาณ 1.53 ล้านบาท) ที่เป็นบริเวณเดียวกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วัน หากระดับนี้หลุดอีกครั้ง ตลาดอาจปรับฐานลงไปแตะบริเวณ *10 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ* (ประมาณ 1.39 ล้านบาท) ซึ่งเป็นที่ตั้งของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน และอาจกลายเป็น *จุดเปลี่ยนในภาพรวมระยะกลางถึงยาว*
ด้านสัญญาณทางเทคนิคก็ยังไม่เข้าข้างฝั่งซื้อ โดย RSI (ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์) ยังคงต่ำกว่า 50 สะท้อนว่า *แรงขายยังเป็นฝ่ายได้เปรียบ* ในภาพรวม นั่นแปลว่า หากตลาดจะกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง จำเป็นต้องมี *แรงซื้อเข้ามาอย่างชัดเจน* อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาวะปัจจุบัน แนวโน้ม *การพักฐานลึกลงไปอีก* กลับดูมีความเป็นไปได้มากกว่า
กราฟระดับ 4 ชั่วโมง ยังแสดงสัญญาณอ่อนแรงยิ่งขึ้น โดยการที่ราคาพุ่งไม่ผ่านระดับ *11.6 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ* (ประมาณ 1.61 ล้านบาท) แถมดีดตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยก่อนร่วงกลับ ถูกตีความว่าเป็น ‘*การเบรกราคาแบบหลอก (fake breakout)*’ สะท้อนว่า *ตลาดยังไม่พร้อมกลับตัวขึ้น* แม้กระทั่งความคาดหวังเรื่องดอกเบี้ยต่ำ ก็ยังไม่สามารถสร้างแรงกระตุ้นใหม่ได้ ขณะนี้แนวรับที่ *11.1 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ* (ประมาณ 1.54 ล้านบาท) ก็เริ่มอ่อนแรง ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจึงน่าจะซบเซามากขึ้น
ข้อมูล ‘ออนเชน’ ก็ยืนยันแรงกดดันฝั่งขาย โดยนักขุดบิตคอยน์ยังคง *เทขายเหรียญที่ถือไว้ต่อเนื่องหลายเดือน* และระยะหลังก็เริ่มเทขายในอัตราเร่งมากขึ้น แม้ว่าการกระจายเหรียญจะเป็นไปเพื่อ *ชดเชยต้นทุนในการดำเนินการขุด* แต่ก็ถือเป็นการเพิ่มซัพพลายในตลาด ซึ่งหากฝ่ายซื้อไม่สามารถดูดซับปริมาณเหรียญส่วนนี้ได้ทัน อาจนำไปสู่การ *เร่งการปรับฐานลงลึกกว่านี้*
โดยสรุป ถึงแม้บิตคอยน์ยังมีโอกาสเด้งกลับในระยะสั้น แต่ทั้ง *สัญญาณทางเทคนิคและปัจจัยออนเชนต่างชี้ไปยังความเสี่ยงขาลง* ที่ชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อราคามีโอกาสกลับไปทดสอบระดับ *10 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ* (ประมาณ 1.39 ล้านบาท) นักลงทุนจึงควรมีมุมมองแบบระวังและประเมินความเสี่ยงให้รอบคอบเป็นพิเศษในช่วงนี้ ทิศทางของตลาดจะขึ้นอยู่กับแรงซื้อใหม่ในระยะสั้น ซึ่งหากไม่เกิดขึ้น ความเป็นไปได้ในการปรับฐานเพิ่มเติมยังคงเปิดกว้าง
ความคิดเห็น 0