ราคาเหรียญมีมคอยน์ ‘เปเป้(PEPE)’ ที่สร้างจากคาแรกเตอร์กบชื่อดัง ร่วงลงมากกว่า 6% ภายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จนเกิดเหตุการณ์ ‘เพิ่มศูนย์’ อย่างที่นักลงทุนบางคนกังวล ส่งผลให้ราคาเหรียญที่เคยอยู่ในระดับสี่หลัก กลับลดลงมาอยู่ที่ระดับห้าหลัก สั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เคยหวังผลตอบแทนระยะสั้น
เมื่อวันที่ 24 ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap เปเป้เคยพุ่งขึ้นไปถึง 0.00001028 ดอลลาร์ (ประมาณ 14 บาท) แต่ไม่สามารถยืนเหนือแนวรับหลักที่ 0.00001016 ดอลลาร์ได้ และร่วงลงมาที่ 0.000009606 ดอลลาร์ (ประมาณ 13 บาท) การหลุดแนวรับดังกล่าว จุดชนวนให้เกิดแรงขายอย่างต่อเนื่อง กดดันให้ราคาลดลงในระยะสั้น
ในขณะเดียวกัน ส่วนแบ่งตลาดของบิตคอยน์(BTC) ที่เพิ่มขึ้นเป็น 57.83% ทำให้สภาพคล่องไหลกลับไปยังสินทรัพย์ที่ถูกมองว่า ‘ปลอดภัย’ มากขึ้น อาทิเช่น บิตคอยน์ แทนที่จะอยู่กับเหรียญมีมที่มีความเสี่ยงสูงอย่างเปเป้ ปัจจุบันราคาเปเป้ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 0.000009706 ดอลลาร์ (ราว 13 บาท) ลดลง 2.08% ภายใน 24 ชั่วโมง อีกทั้งปริมาณการซื้อขายลดลง 12.54% เหลือเพียง 976 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.35 ล้านล้านวอน)
การปรับฐานราคาครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเคลื่อนไหวชั่วคราวเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันกับภาวะความไม่แน่นอนของตลาดในเรื่องพันธบัตรองค์กรและอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้สภาพจิตวิทยาการลงทุนอ่อนแอลงทั่วทั้งตลาดคริปโต ความสนใจในเหรียญเก็งกำไรก็ลดลง โดยพบว่าแม้แต่กลุ่ม ‘วาฬ’ ที่ถือเปเป้ปริมาณมาก ก็เริ่มลดการถือครองลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
น่าสนใจคือ เมื่อหนึ่งเดือนก่อน นักลงทุนเปเป้ยังคงแห่เข้าซื้อท่ามกลางแนวโน้มตลาดที่อ่อนตัวลง โดยเฉพาะวาฬบางรายได้โยกย้ายโทเคนเปเป้กว่า *7.7 ล้านล้านหน่วย* ภายในวันเดียว เพื่อคาดหวังโอกาสในการทำกำไรจากแรงดีดกลับ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันแรงขายกลับกลายเป็นฝ่ายชนะชัดเจน ส่งผลให้แนวรับของราคาไม่สามารถยืนได้
ในความเป็นจริง สัญญาณการร่วงนี้เคยถูกวิเคราะห์ล่วงหน้าไว้แล้ว โดย U.Today รายงานก่อนหน้านี้ว่า “หากแรงขายจำนวนมากยังไม่สิ้นสุด ราคาจะมีแนวโน้มตกลงเพิ่มเติม” และเมื่อแรงกดดันยืดเยื้อ นักลงทุนเริ่มสูญเสียความมั่นใจอย่างเห็นได้ชัด
หากเปเป้ต้องการฟื้นตัวกลับสู่แนวโน้มขาขึ้น จำเป็นต้องกระตุ้น ‘อุปสงค์การลงทุนที่แท้จริง’ และวางกลยุทธ์การเข้าซื้อที่มีระบบ ด้วยธรรมชาติแบบชุมชนเป็นศูนย์กลาง เหรียญอย่างเปเป้จึงอ่อนไหวต่ออารมณ์ตลาด และอาจเปลี่ยนทิศทางได้โดยขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของนักลงทุนรายใหญ่และการมีส่วนร่วมของประชาชนทั่วไป
*ความคิดเห็น: เพื่อประเมินว่าการปรับฐานครั้งนี้เป็นเพียงการพักฐานชั่วคราว หรือเป็นจุดเริ่มของเทรนด์ขาลงระยะยาว ควรติดตามพฤติกรรมของวาฬและแนวโน้มปริมาณการซื้อขายต่อไปอย่างใกล้ชิด*
ความคิดเห็น 0