บิตคอยน์(BTC) กำลังอยู่ในช่วง ‘ปรับฐานรุนแรง’ หลังราคาทรุดลงต่อเนื่องในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยลดลงจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 124,000 ดอลลาร์ (ราว 4.57 ล้านบาท) ซึ่งทำสถิติเมื่อต้นเดือน เหลือเพียงประมาณ 110,000 ดอลลาร์ (ราว 4.06 ล้านบาท) คิดเป็นการลดลงกว่า 11% และเคยมีจังหวะที่ระดับ 110,000 ดอลลาร์เริ่มสั่นคลอน
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ความร่วงนี้มีสาเหตุหลัก 2 ประการ โดยปัจจัยแรกคือ ‘แรงขายขนาดใหญ่จากกลุ่มวาฬ’ ตามข้อมูลของอาลี มาร์ติเนซ (Ali Martinez) นักวิเคราะห์ด้านข้อมูลบล็อกเชน เปิดเผยว่าในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดาวาฬคริปโตเทขายบิตคอยน์ออกมารวมกว่า 50,000 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5.5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 2 แสนล้านบาท) การระบายเหรียญจำนวนมากในตลาดเช่นนี้กดดันให้ราคาตกลงอย่างรวดเร็ว และอาจจุดชนวนให้ผู้ลงทุนทั่วไปเกิดความตื่นตระหนก สร้างผลกระทบต่อเนื่องรุนแรงยิ่งขึ้น
อีกสาเหตุหนึ่งคือ ‘การย้ายบิตคอยน์จำนวนมากเข้าสู่กระดานซื้อขาย’ โดยในช่วงเวลาเดียวกันพบว่ามี BTC ราว 20,000 เหรียญ หรือราว 2.2 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 8 หมื่นล้านบาท) เคลื่อนย้ายจากกระเป๋าวาฬเข้าสู่แพลตฟอร์มซื้อขาย ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงความต้องการเทขายในอนาคตอันใกล้
นอกจากนี้ยังพบสัญญาณลบเพิ่มเติมจากตลาด ETF บิตคอยน์แบบสปอต ซึ่งมีการไหลออกของเงินต่อเนื่องเป็นเวลา 6 วันทำการแล้ว สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนต่อแนวโน้มราคาข้างหน้า “ความคิดเห็น” บางส่วนมองว่าสภาวะดังกล่าวทำให้บรรยากาศการลงทุนดูหดหู่ อย่างไรก็ตาม มีกรณีในอดีตที่ตลาดสามารถฟื้นตัวได้หลังเงินไหลออกจาก ETF เช่นนี้ ทำให้ยังไม่สามารถสรุปทิศทางแน่ชัดได้ในขณะนี้
แม้ราคาจะอ่อนตัวลง แต่ตลาดยังมีความหวังใน *โอกาสฟื้นตัวกลับสู่ขาขึ้น* โดยนักวิเคราะห์และผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม X รายหนึ่งในชื่อ ‘CryptoWZRD’ ระบุว่าหากบิตคอยน์สามารถรีบาวด์จากระดับราคาปัจจุบันได้อย่างแข็งแรง ก็อาจมีโอกาสทะลุ 120,000 ดอลลาร์ และไปแตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 131,000 ดอลลาร์ (ราว 4.83 ล้านบาท) ได้เช่นกัน
สัญญาณทางเทคนิคก็เริ่มสะท้อนแนวโน้มบวกบ้างแล้ว ตัวชี้วัด RSI อยู่ที่ระดับ 35 ซึ่งเข้าใกล้โซน ‘ขายมากเกินไป’ หรือ Oversold โดย RSI ต่ำกว่า 30 มักจะถูกตีความว่าเป็นสัญญาณราคาพร้อมดีดตัวกลับ “ความคิดเห็น” นักวิเคราะห์ระบุว่าแม้จะมีความเสี่ยงของการปรับฐานในระยะสั้น แต่แนวโน้มโครงสร้างตลาดในระยะยาวยังคงเป็นบวก
ตลาดจึงกำลังยืนอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออีกครั้ง พร้อมรอคำตอบจากบิตคอยน์ว่า จะสามารถพิสูจน์ศักยภาพในการฟื้นตัวได้อีกครั้งหรือไม่
ความคิดเห็น 0