Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

Funding Rate พุ่ง แม้บิตคอยน์(BTC)ร่วง นักวิเคราะห์เตือนเสี่ยงเกิด Long Squeeze

Funding Rate พุ่ง แม้บิตคอยน์(BTC)ร่วง นักวิเคราะห์เตือนเสี่ยงเกิด Long Squeeze / Tokenpost

ตลาดฟิวเจอร์สบิตคอยน์(BTC) ยังคงได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เดิมพันในทิศทางขาขึ้น แม้ราคาจะอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องก็ตาม โดยข้อมูลล่าสุดจากไบแนนซ์ เผยว่า *อัตราค่าธรรมเนียมฟันดิ้ง(Funding Rate)* ยังคงอยู่ในระดับสูงราว 0.005-0.008 ซึ่งสะท้อนว่า *นักลงทุนจำนวนมากยังถือสถานะซื้อ(LONG) ด้วยเลเวอเรจ* โดยคาดหวังการฟื้นตัวของบิตคอยน์ ความไม่สมดุลนี้เริ่มสร้างแรงกดดันต่อตลาดอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อวันที่ 24 ตามข้อมูลจากไบแนนซ์ ค่า Funding Rate ที่สูงแบบต่อเนื่องในช่วงราคาบิตคอยน์ลดลง บ่งชี้ว่า *ตลาดกำลังเข้าสู่สภาวะ ‘ความเชื่อมั่นเกินจริง’* แม้ราคาจะถอย แต่ผู้เล่นยังยึดมั่นกับมุมมองบวก พร้อมจ่ายค่าธรรมเนียมฟันดิ้งโดยไม่ลดสถานะ ทำให้ช่องว่างระหว่างความเชื่อมั่นของนักลงทุนกับพื้นฐานตลาดยิ่งถ่างออก ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญในวงการเริ่มออกมาเตือนว่าอาจเกิด ‘ความเสี่ยงเชิงระบบ’ หากตลาดปรับตัวรุนแรง

นักวิเคราะห์ชี้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีโอกาสพัฒนาในสองทิศทาง ทิศทางแรกคือ *ความเชื่อมั่นที่ยืดเยื้อเกินจริง* ซึ่งนักลงทุนอาจยังคงเปิดสถานะ LONG แม้เก็บผลขาดทุนต่อเนื่อง เพราะมองว่าการย่อตัวนี้เป็นเพียงช่วงพักฐานระยะสั้น ทิศทางที่สองซึ่งเป็นไปได้สูงคือ *แรงบังคับขาย(Liquidation)* หากราคาปรับลงอย่างรุนแรง จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า ‘Long Squeeze’ ทำให้สถานะที่มีเลเวอเรจสูงต้องถูกปิดตัวลงในลักษณะลูกโซ่ ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมตลาด

ด้วยบทบาทของไบแนนซ์ในฐานะผู้เล่นหลักในตลาดฟิวเจอร์สโลก อัตรา Funding Rate ของแพลตฟอร์มจึงมี *อิทธิพลต่อตลาดโดยรวม* นักวิเคราะห์กล่าวว่า “การที่ตลาดเอียงหนักไปทางใดทางหนึ่ง คือข้อบ่งชี้ถึงโครงสร้างที่เปราะบาง หากไม่มีการรีบาวน์ ราคาก็อาจร่วงลงอีก”

ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ออนเชน ‘Glassnode’ ยืนยันถึงภาวะนี้ โดยระบุว่า กิจกรรมในเครือข่ายบิตคอยน์ชะลอลง ทั้งในด้าน *ปริมาณกระเป๋าเงินที่ใช้งานต่อวัน* และ *ค่าใช้จ่ายในเครือข่าย* ลดลงต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึง *การหายไปของความต้องการใช้งานจริง* ในทางตรงกันข้าม ปริมาณการโอนกลับพุ่ง สูงขึ้นตามความผันผวนราคาสั้น แสดงถึงการเพิ่มขึ้นของ *ธุรกรรมเพื่อการเก็งกำไร*

ในด้านเม็ดเงิน ยังพบว่าอัตราการไหลเข้าของ Realized Cap ลดลง ในขณะที่ *ผู้ถือระยะสั้นมีแนวโน้มขายเพิ่มขึ้น* ทำให้อัตราส่วน STH/LTH (Short-Term Holders / Long-Term Holders) สูงขึ้นพร้อมกับตัวชี้วัด Net Unrealized Profit/Loss (NUPL) ที่ถอยลงมาอยู่ในระดับกลาง บ่งบอกว่าตลาดอยู่ใน *ภาวะสมดุลที่เปราะบาง* ซึ่งไม่แน่นอนทั้งในเชิงจิตวิทยาและโครงสร้าง

ความเคลื่อนไหวของ *นักลงทุนสถาบัน* ก็สะท้อนสัญญาณเดียวกัน ด้วยการไหลออกอย่างต่อเนื่องของเงินทุนในผลิตภัณฑ์ ETF บิตคอยน์ แสดงว่าฝ่ายสถาบันเริ่ม *เข้าสู่โหมดรอดู* ด้านตลาดออปชันยังบ่งชี้ความต้องการการทำ ‘เฮดจ์’ เพิ่มขึ้น แทนที่จะเป็นการเดิมพันทิศทางราคาโดยตรง ตอกย้ำสัญญาณ *หลีกเลี่ยงความเสี่ยงมากกว่าการคาดหวังผลตอบแทน*

สถานการณ์ปัจจุบันของบิตคอยน์เรียกได้ว่าอยู่ระหว่าง *ภาวะมองโลกในแง่ดีและความไม่แน่นอน* โดยที่ยังไม่สามารถหาจุดสมดุลได้อย่างแท้จริง นักวิเคราะห์สรุปว่า “คำถามสำคัญคือ การไหลเข้าของสภาพคล่องใหม่จะเพียงพอหรือไม่ หากไม่เพียงพอ ตลาดอาจแกว่งในกรอบแคบหรือลงลึกยิ่งกว่าเดิม”

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1