แซม แบงค์แมน-ฟรายด์(Sam Bankman-Fried) ได้สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในวงการคริปโต ด้วยการร้องขอการอภัยโทษจาก 'ประธานาธิบดีทรัมป์' ขณะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำที่นิวยอร์ก ในการให้สัมภาษณ์ล่าสุด เขาอ้างว่าคำตัดสินลงโทษของเขามี 'แรงจูงใจทางการเมือง' ภายใต้รัฐบาลของโจ ไบเดน และย้ำว่า ทรัมป์เป็นคนเดียวที่สามารถช่วยเหลือเขาได้
อดีตซีอีโอของ FTX ยังโจมตีระบบกฎหมาย โดยกล่าวว่า "ผมไม่ใช่คนโกง" พร้อมอ้างว่า FTX มีสภาพคล่องเพียงพอในช่วงล่มสลายเมื่อปี 2022 แต่เกิดปัญหาขาดแคลนเงินสดจนต้องล้มละลาย เขายังกล่าวโทษบริษัทกฎหมายซัลลิแวน แอนด์ ครอมเวลล์(Sullivan & Cromwell) ที่ดูแลกระบวนการล้มละลายของ FTX และมองว่าแนวทางการชดเชยให้ลูกค้าตามราคาของปี 2022 นั้นไม่ยุติธรรม
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางข้อกล่าวหาของเขาต่อรัฐบาลไบเดนว่าได้ทำให้เขาตกเป็น 'เหยื่อทางการเมือง' โดยย้ำถึงความเป็นไปได้ที่ทรัมป์จะเข้ามาแทรกแซง เขาถึงกับอ้างถึงกรณีที่ทรัมป์เคยเพิกถอนผลทางกฎหมายของบุคคลอื่น โดยกล่าวว่า "ผมก็ตกเป็นเหยื่อเช่นเดียวกัน"
มีรายงานว่าพ่อแม่ของแบงค์แมน-ฟรายด์กำลังดำเนินการ 'อย่างไม่เป็นทางการ' เพื่อผลักดันให้มีการอภัยโทษ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องจับตาดูต่อไป นอกจากนี้ บุคคลอื่นที่ถูกกล่าวถึงในฐานะผู้ที่อาจได้รับการอภัยโทษจากทรัมป์ ได้แก่ โรเจอร์ เวอร์(Roger Ver) นักลงทุนชื่อดังในวงการคริปโต และเวอร์จิล กริฟฟิธ(Virgil Griffith) ผู้เคยถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาหารือเรื่องเทคโนโลยีบล็อกเชนกับเกาหลีเหนือ
แม้ว่าทรัมป์จะตัดสินใจให้อภัยโทษกับแซม แบงค์แมน-ฟรายด์ หรือไม่ยังไม่แน่ชัด แต่กรณีของรอส อูลบริชท์(Ross Ulbricht) ในอดีต แสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่บุคคลในวงการคริปโตอาจได้รับการอภัยโทษ ซึ่งส่งผลให้ชุมชนคริปโตจับตาความเคลื่อนไหวของทรัมป์อย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0