การถกเถียงเรื่องการเปลี่ยน *อัลกอริธึมฉันทามติ* ของเหรียญมีมชื่อดังอย่าง *โดจคอยน์(DOGE)* กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนในชุมชนคริปโต โดยล่าสุด *บิลลี มาร์คัส* หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งโดจคอยน์ ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรงกับแนวคิดนี้ผ่านโพสต์ใน X (เดิมคือทวิตเตอร์) โดยเขาระบุว่าการเปลี่ยนแปลงจากระบบ *หลักฐานการทำงาน(PoW)* ไปเป็นระบบ *หลักฐานการถือครอง(PoS)* “ไม่มีคุณค่าใด ๆ และมีแต่จะก่อให้เกิดความสับสน”
มาร์คัสให้ความเห็นว่า แผนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจนำไปสู่ความแตกแยกภายในชุมชนโดจคอยน์ และมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดเหรียญแยก(*fork coin*)ขึ้นมาหลายเหรียญ พร้อมระบุว่า “ความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นนั้น ไม่คุ้มค่ากับผลตอบแทน” ความเห็นของเขาสะท้อนมุมมองในทางตรงกันข้ามกับกระแสที่เอนเอียงไปทาง PoS หลังจากความสำเร็จของ *อีเธอเรียม(ETH)* ที่เปลี่ยนระบบไปใช้ PoS เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานและการรองรับผู้ใช้
ในขณะเดียวกัน *ทิโมธี สเตบิง* ผู้อำนวยการมูลนิธิโดจคอยน์ ให้ความคิดเห็นว่า การพิจารณาเรื่องนี้จำเป็นต้องยึดตามหลักเทคโนโลยี โดยเขากล่าวว่า "ทุกข้อเสนอต้องถูกประเมินตามพื้นฐานทางเทคนิค และจะต้องให้ประโยชน์ในระยะยาวกับชุมชน" พร้อมระบุว่า ในกรณีของ PoS ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าจะช่วยเพิ่มความเร็วของเครือข่าย การนำทรัพยากรทางด้านวิศวกรรมไปใช้กับการเปลี่ยนแปลงนี้จึงอาจไม่มีความหมาย ทั้งนี้เขายังกล่าวถึงเครื่องมือทดลอง "Dogebox" ที่ใช้เป็นสนามทดสอบความคิดใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้ชุมชนสามารถตัดสินใจในแนวทางที่เหมาะสมด้วยตนเอง
ด้านนักลงทุนก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวที่น่าจับตามอง โดยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีการโยกย้ายโดจคอยน์จำนวนมากจากผู้ถือรายใหญ่ หรือที่เรียกกันว่า “วาฬ” ตัวอย่างเช่น มีวาฬรายหนึ่งถอน *โดจคอยน์จำนวน 52.9 ล้าน DOGE* (คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,670 ล้านบาท) ออกจาก *ไบแนนซ์* เพื่อนำไปถือครองต่อ ซึ่งโดยทั่วไปสัญญาณเช่นนี้สะท้อนความตั้งใจในการถือเหรียญระยะยาว
ตรงกันข้าม วาฬอีกรายได้โอน *โดจคอยน์จำนวน 500 ล้าน DOGE* (เกือบ 10,600 ล้านบาท) กลับเข้าสู่ไบแนนซ์ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของแรงขายที่กำลังจะเกิดขึ้น ความเคลื่อนไหวที่สวนทางกันนี้ แสดงให้เห็นถึง ‘ความคาดหวัง’ และ ‘ความไม่แน่นอน’ ที่ยังคงดำรงอยู่รอบ ๆ อนาคตของโดจคอยน์
แม้ว่าจะมีคำถามและความผันผวน แต่ภาพรวมตลาดยังคงทรงตัว โดยราคาของ DOGE เพิ่มขึ้น 2.6% ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และปริมาณการซื้อขายต่อวันพุ่งขึ้น 14.4% แตะระดับประมาณ 3.33 แสนล้านบาท การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่า ‘แนวโน้มการซื้อ’ ยังคงแข็งแกร่งกว่าการขายในระยะสั้น
*แม้อนาคตของโดจคอยน์ยังไม่ชัดเจนว่าจะเปลี่ยนไปใช้ระบบ PoS หรือไม่* แต่การถกเถียงครั้งนี้ถือเป็นตัวอย่างชัดเจนของการปะทะกันระหว่างเทคโนโลยี ปรัชญา และสภาพจิตวิทยาตลาด สายตาของนักลงทุนทั่วโลกกำลังจับจ้องว่า โดจคอยน์จะเลือกทางเดินไหน ระหว่าง ‘นวัตกรรม’ หรือ ‘การรักษารากฐานเดิม’ ในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลที่หมุนเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น 0