บริษัทดิจิทัลแอสเซตเทรเชอรี (DAT) ที่เป็นเจ้าของคริปโตเคอร์เรนซีรายใหญ่ เช่น บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH), และโซลานา(SOL) เริ่มเผชิญแรงกดดันจากการลดลงของ ‘มูลค่าสุทธิของสินทรัพย์ต่อมูลค่าตลาด (mNAV)’ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเติบโตในอนาคตของภาคธุรกิจนี้ จากรายงานของสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(เมื่อวันที่ 24 ตามเวลาท้องถิ่น) แนวโน้ม mNAV ที่ลดต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกำลังเพิ่มความเสี่ยงให้กับบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กในอุตสาหกรรม
mNAV เป็นอัตราส่วนที่ชี้วัดความสามารถของบริษัท DAT ในการใช้ส่วนต่างราคาหุ้นเพื่อจัดซื้อคริปโตเพิ่ม หากค่านี้ ‘สูงกว่า 1’ บริษัทสามารถออกหุ้นใหม่เพื่อซื้อสินทรัพย์ได้โดยมีกำไร แต่ถ้า ‘ต่ำกว่า 1’ การซื้อสินทรัพย์ใหม่จะกลายเป็นภาระและทำให้การเติบโตติดขัด รายงานของสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดชี้ว่า หลายบริษัทในกลุ่ม DAT ขณะนี้เริ่มมี mNAV ต่ำกว่าระดับสำคัญดังกล่าว
สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดแสดงความเห็นว่า การลดลงของ mNAV อาจเป็นตัวเร่งให้เกิดการ ‘คัดแยกกลุ่ม’ และ ‘ควบรวมกิจการ’ ในภาค DAT โดยบริษัทที่มีสถานะทางการเงินมั่นคง หรือสามารถจัดหาเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ จะเป็นฝ่ายได้เปรียบในยุคใหม่นี้ ตัวอย่างเช่น บริษัทสตราเทจี($MSTR) และบิทมายน์($BMNR) ซึ่งมีกลยุทธ์ที่เน้นบิตคอยน์ จะกลายเป็นผู้เล่นหลักในระลอกหลังของวงจรอุตสาหกรรม
การศึกษานี้ยังรวมถึงบริษัทอื่นๆ เช่น เมตาแพลนเน็ต($MTPLF), แชปลิงค์เกมมิ่ง($SBET), ยูเพ็กซี($UPXI), และดีไฟดีเวลลอปเมนต์($DFDV) โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มูลค่าบริษัทเหล่านี้ลดลงอย่างรวดเร็ว เพิ่มแรงสั่นสะเทือนให้กับตลาดทั้งระบบ
การร่วงลงของ mNAV อาจเป็น ‘สัญญาณเริ่มต้น’ ของการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในวงการ DAT สะท้อนว่า ‘ฟองสบู่’ ในอุตสาหกรรมนี้กำลังจะยุติลง ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญในวงการเชื่อว่า ตลาดจะเข้าสู่ยุคที่มูลค่าที่แท้จริง และศักยภาพในการระดมทุน มีบทบาทในการกำหนดอนาคตของแต่ละบริษัทมากกว่าที่เคยเป็นมา
ความคิดเห็น 0