บริษัทสแตรทิจี(Strategy) ผู้ให้บริการด้านธุรกิจอัจฉริยะ ได้ทำการซื้อบิตคอยน์(BTC) เพิ่มอีกครั้ง ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์รวมทะลุ ‘ประมาณ 10.15 ล้านล้านวอน’ หรือราว *73,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* เป็นที่เรียบร้อย การลงทุนในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ระยะยาวภายใต้การนำของไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ผู้ร่วมก่อตั้ง ที่มองบิตคอยน์ในฐานะ ‘เครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ’ ในมุมมองทางการเงินองค์กร
ตามรายงานล่าสุด สแตรทิจีได้ซื้อบิตคอยน์อีก *525 เหรียญ* ด้วยมูลค่ารวม *ประมาณ 83,400 ล้านวอน* หรือ *60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* โดยราคาเฉลี่ยในการซื้อครั้งนี้อยู่ที่ราว 114,562 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญ (ประมาณ 159.25 ล้านวอน) ส่งผลให้บริษัทถือครองบิตคอยน์รวมทั้งสิ้น *638,985 เหรียญ* ซึ่งมีมูลค่ารวมกันสูงกว่า *ประมาณ 10 ล้านล้านวอน* ตามราคาตลาดปัจจุบัน
การเข้าซื้อในครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากกลยุทธ์ ‘การสะสม BTC ทั่วทั้งองค์กร’ ที่เริ่มต้นในเดือนสิงหาคม 2020 โดยเซย์เลอร์เป็นผู้นำ ขณะนั้นบริษัทได้ลงทุนครั้งแรกประมาณ *347,500 ล้านวอน* หรือ *250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* เพื่อซื้อบิตคอยน์ และเดินหน้าซื้ออย่างต่อเนื่อง ในช่วงระหว่างปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นกันยายนที่ผ่านมา ก็มีการซื้อครั้งใหญ่เป็นมูลค่าราว *625,500 ล้านวอน* หรือ *450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ*
เซย์เลอร์เคยให้สัมภาษณ์ว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อมองหาทางเลือกที่สามารถรักษามูลค่าท่ามกลางการลดค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ พร้อมระบุว่าการเลือกนำบิตคอยน์มาใช้งานในด้านบัญชีบริษัท ถือเป็นหนึ่งในกรณีศึกษายุคแรกที่เริ่มมีการใช้ ‘สินทรัพย์ดิจิทัลในฐานะทุนสำรอง (Treasury Asset)’ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นแบบอย่างให้องค์กรขนาดใหญ่อย่าง เทสลา(TSLA) และ สแควร์(SQ) ตัดสินใจลงทุนในลักษณะเดียวกัน
การเพิ่มการถือครองในครั้งนี้จึงถูกมองว่า ไม่ใช่เพียงการลงทุนที่ขยายตัว แต่ยังเป็นตัวอย่างสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าองค์กรสามารถผสานสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ากับสินทรัพย์แบบดั้งเดิมในเชิงกลยุทธ์ได้อย่างไร ท่ามกลางภาวะตลาดที่เริ่มฟื้นตัว ความเคลื่อนไหวต่อไปของสแตรทิจีจึงเป็นสิ่งที่ผู้เล่นในแวดวงคริปโตให้ความสนใจเป็นพิเศษ
ความคิดเห็น 0