มูลนิธิอีเธอเรียม(Ethereum) เปิดตัวโครงการใหม่ที่เชื่อมต่อระหว่างเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI) และบล็อกเชน โดยจัดตั้งทีมใหม่ในชื่อ “dAI ทีม” โดยมีเป้าหมายในการสร้างระบบ ‘การชำระเงินแบบเอเจนต์(agentic payments)’ ที่ช่วยให้สกุลเงินอีเธอเรียม(ETH) กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินและการกำกับดูแลอัตโนมัติสำหรับเศรษฐกิจของเครื่องจักรในอนาคต
โครงการดังกล่าวเปิดเผยโดยนักพัฒนาชื่อ ดาวิเด คราพิส(Davide Crapis) ซึ่งระบุว่า “อีเธอเรียมสามารถกลายเป็นแพลตฟอร์มที่มีประโยชน์ไม่เฉพาะสำหรับ AI ในอนาคตแบบนิยายวิทยาศาสตร์ แต่รวมถึงนักพัฒนา AI ในปัจจุบัน” พร้อมชี้ให้เห็นว่าแพลตฟอร์มนี้สามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสให้กับ AI ได้ ในขณะที่ AI เองก็สามารถทำให้ระบบนิเวศของอีเธอเรียมใช้งานได้จริงมากขึ้นในระดับสากล
หนึ่งในภารกิจหลักของทีม dAI คือการสร้างระบบการชำระเงินที่สามารถตรวจสอบได้ ปลอดจากการควบคุมของแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ โดยมุ่งเน้นความสามารถในการต้านทานการเซ็นเซอร์ ซึ่งระบบนี้จะช่วยให้เอเจนต์ AI และเครื่องจักรสามารถดำเนินธุรกรรม บริหารจัดการ และมีการกำกับดูแลอย่างอัตโนมัติ โดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์
คราพิสเน้นว่า ความโปร่งใสและความเป็นกลางของอีเธอเรียมถือเป็นรากฐานสำคัญสำหรับ AI ที่เป็นธรรม “เมื่อระบบอัจฉริยะเริ่มทำธุรกรรมกันมากขึ้น ความจำเป็นของเลเยอร์ที่เป็นกลางซึ่งอิงจากมูลค่าและความเชื่อถือยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น ซึ่งอีเธอเรียมสามารถทำหน้าที่นี้ได้อย่างสมบูรณ์”
ปัจจุบัน แพลตฟอร์มขนาดใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญในวงการ AI อย่างโอเพนเอไอ, แอนโทรปิก(Anthropic), ไมโครซอฟท์(MSFT), กูเกิล(GOOGL) และเมตา(META) ต่างยังคงอยู่ภายใต้โครงสร้างที่รวมศูนย์และเน้นผลกำไร ซึ่งทีม dAI ต้องการนำเสนอทางเลือกแบบเปิดที่ต้านกระแสนั้นอย่างชัดเจน
หนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่ผลักดันไปพร้อมกับทีม dAI คือมาตรฐาน ERC-8004 ซึ่งออกแบบมาเพื่อยืนยันตัวตนและความน่าเชื่อถือของเอเจนต์ AI โดยอ้างอิงจากแนวคิด ‘defensive accelerationism’ ซึ่งเสนอโดย วีทาลิก บูเทอริน(Vitalik Buterin) ผู้ร่วมก่อตั้งอีเธอเรียม
แม้ dAI จะยังอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่ทีมงานกำลังขยายอย่างรวดเร็วและมีแผนจะร่วมมือกับทีมโปรโตคอลต่างๆ เพื่อพัฒนาให้ตรงกับความต้องการของนักพัฒนา AI ในอนาคต พร้อมด้วยยุทธศาสตร์สนับสนุน ‘สินค้าสาธารณะ(public goods)’ เพื่อให้อีเธอเรียมกลายเป็นแพลตฟอร์มที่เอื้อต่อ AI อย่างแท้จริง
ทอม ลี(Tom Lee) ผู้ร่วมก่อตั้งฟันด์สแตรท(Fundstrat) ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่าความเคลื่อนไหวนี้เป็นสัญญาณบวกสำหรับราคาของอีเธอเรียมในระยะยาว โดยให้ความเห็นว่า “การผสานระหว่าง AI และบล็อกเชนอาจเป็นช่วงเวลาบิ๊กแบงของคริปโต เหมือนเช่น ChatGPT กับเทคโนโลยี AI” พร้อมกล่าวถึงความเป็นไปได้ของ ‘ซูเปอร์ไซเคิล’ สำหรับอีเธอเรียมในปีนี้
ในขณะเดียวกัน เครือข่ายอีเธอเรียมก็เริ่มมี AI เอเจนต์เกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่ผู้สร้างเนื้อหาด้วยแมชชีนเลิร์นนิง ไปจนถึงแพลตฟอร์มวิเคราะห์ตลาดแบบเรียลไทม์ แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็วของระบบนิเวศใหม่ของยุคดิจิทัล
การก่อตั้งทีม dAI โดยมูลนิธิอีเธอเรียมครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่การเปิดทีมใหม่ แต่เป็นก้าวแรกที่จริงจังในการสร้าง ‘โครงสร้างดิจิทัลใหม่’ สำหรับยุค AI อย่างเต็มรูปแบบ ความเคลื่อนไหวนี้จึงน่าจับตามองในฐานะปัจจัยที่อาจพลิกโฉมทั้งวงการคริปโตและเทคโนโลยีในภาพรวม
ความคิดเห็น 0