อีเธอเรียม(ETH)เผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรง ท่ามกลางการปรับฐานของตลาดคริปโต โดยมีมูลค่าการ *ชำระบัญชี* รวมสูงถึงกว่า 5.07 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7.04 แสนล้านวอนภายในเวลา 24 ชั่วโมง ข้อมูลจากตลาดอนุพันธ์ระบุว่า มากถึง 95% ของยอดดังกล่าวเป็น ‘*สถานะซื้อ*’ (Long position) ขณะที่แพลตฟอร์ม *ไบบิต* เป็นเบอร์หนึ่งด้านปริมาณการชำระบัญชี คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 52% ของทั้งหมด
ที่น่าจับตาคือ เหตุการณ์ชำระบัญชีรุนแรงนี้เกิดขึ้นโดยไม่มีตัวกระตุ้นจากข่าวสารเชิงลบและแทบไม่มีความผันผวนมาก่อน โดยราคาอีเธอเรียมตกลงมา 6.5% ภายในวันเดียว สู่ระดับ 4,150 ดอลลาร์ หรือราว 577,000 วอน ส่วนโซลานา(SOL) ร่วงลง 7.2% อยู่ที่ 220 ดอลลาร์ หรือประมาณ 306,000 วอน ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ ข้อมูลจาก *Coinalyze* ยังเปิดเผยว่า *สัญญาเปิดค้าง (Open Interest)* ในตลาดฟิวเจอร์สของอีเธอเรียม ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยหายไปถึง 3 พันล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 2.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นมากกว่า 10% ของมูลค่ารวมเดิม โดยเกือบครึ่งหนึ่งของการลดลงนี้เกี่ยวข้องกับการถูกชำระบัญชี สำหรับสัดส่วนของประเภทสัญญา พบว่า *สัญญาแบบไร้วันหมดอายุ* ยังคงครองสัดส่วนหลัก ขณะที่สัญญาฟิวเจอร์สรูปแบบมีวันครบกำหนด มีมูลค่าอยู่ที่เพียง 906.1 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
จากความผันผวนที่เกิดขึ้น เสียงเรียกร้องให้พัฒนาโครงการในสาย ‘*ดีไฟ (DeFi)* ที่มีความเสี่ยงต่ำ’ เริ่มดังขึ้น โดย *วียาทลิก บูเตริน* ผู้ร่วมก่อตั้งอีเธอเรียม เน้นย้ำถึงความสำคัญของ *ระบบที่สร้างรายได้อย่างคาดการณ์ได้และมั่นคง* มากกว่าการมุ่งเน้นด้านเก็งกำไร ซึ่งถูกเปรียบว่าอาจเป็นจุดเปลี่ยนเพื่อให้อีเธอเรียมเข้าสู่การใช้งานในวงกว้างได้จริง เหมือนเช่นที่กูเกิลเคยทำในโลกของการค้นหาข้อมูลดิจิทัล
เหตุการณ์นี้สะท้อนถึง *ความเสี่ยงเชิงโครงสร้าง* ของตลาดอีเธอเรียม และตอกย้ำถึงความจำเป็นในการ *ปรับกลยุทธ์ไปสู่ความน่าเชื่อถือและความสามารถในการคาดการณ์* หากอีเธอเรียมต้องการขยายฐานผู้ใช้อย่างยั่งยืน บทเรียนครั้งนี้จึงถูกตีความว่าเป็นคำเตือนอีกครั้งสำหรับทั้งผู้เล่นรายเดิมและผู้ที่กำลังเข้าสู่โลกคริปโต
ความคิดเห็น 0