แม้ราคาบิตคอยน์(BTC)จะปรับตัวลดลงเกือบ 10% ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดแรงกดดันขาลงในตลาด แต่ทั้งนักเทรดและนักลงทุนสถาบันบางรายกลับมองว่านี่คือ ‘โอกาสในการซื้อเชิงกลยุทธ์’ ท่ามกลางมุมมองบวกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัว ข้อมูลล่าสุดและความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญชี้ให้เห็นว่า ปัจจัยอย่างการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด), สัญญาณซื้อจากนักลงทุนรายใหญ่ และแรงหนุนตามฤดูกาล อาจส่งผลให้เกิด ‘สัญญาณกลับตัว’ ที่ชัดเจนขึ้น
ราคาบิตคอยน์ซึ่งเคยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 124,400 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.73 ล้านบาท) เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ลดลงมาสู่ระดับ 111,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.55 ล้านบาท) ในปัจจุบัน ถือเป็นการปรับฐานในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลออนเชนบ่งชี้ว่าการปรับฐานครั้งนี้มาจาก ‘การเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติ’ มากกว่าความอ่อนแอเชิงโครงสร้าง โดยคริปโตควอนต์(CryptoQuant) ชี้ว่า ดัชนี MVRV ได้ลดลงต่ำกว่า 0 ซึ่งสะท้อนว่าบิตคอยน์อยู่ในระยะ ‘ราคาต่ำกว่ามูลค่า’
นอกจากนี้ บรรดานักลงทุนรายใหญ่หรือที่เรียกว่า ‘วาฬ’ ยังคงเดินหน้าเก็บสะสมเหรียญ โดยวอลเล็ตที่ถือครองระหว่าง 1,000 ถึง 10,000 BTC มีการซื้อสะสมต่อเนื่องหลายสัปดาห์ ตามข้อมูลของคริปโตควอนต์ ด้านบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลอย่างแซนติเมนต์(Santiment) ยังรายงานด้วยว่า ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม บรรดานักลงทุนกลุ่มนี้ได้เพิ่มการถือครองขึ้นถึง 56,000 BTC ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ‘ผู้ถือเหรียญรายใหญ่ไม่ได้คาดการณ์ว่าตลาดจะเข้าสู่ขาลงระยะยาว’ ขณะเดียวกัน ปริมาณบิตคอยน์ในกระดานแลกเปลี่ยนก็ลดลงมากกว่า 31,000 BTC ภายในหนึ่งเดือน ลดแรงกดดันด้านอุปทานในตลาด
ด้านบริษัทเทรดคริปโตในสิงคโปร์ QCP แคปิตอล แสดงความเห็นเชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดในรายงานล่าสุด โดยระบุว่า การร่วงลงของราคาบิตคอยน์เป็นกระบวนการ ‘เย็นเครื่องของตลาดหลังความร้อนแรง’ ซึ่งอาจกลายเป็น ‘ฐานรองรับการฟื้นตัวรอบใหม่’ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีสัญญาณบ่งชี้ว่า เทรดเดอร์จำนวนมากเริ่มเข้าเก็งกำไรในสัญญาออปชันที่จะหมดอายุในเดือนตุลาคม โดยเลือกระดับราคาเป้าหมายระหว่าง 120,000–125,000 ดอลลาร์ ทำให้ ‘ความคาดหวังต่อการปรับตัวขึ้นตามฤดูกาลในเดือนตุลาคม’ ยิ่งเด่นชัด
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นสหรัฐและราคาทองคำต่างแสดงทิศทางบวกหลังจากเฟดประกาศลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม ในขณะเดียวกัน ราคาบิตคอยน์ยังคงทรงตัวบริเวณ 112,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.55 ล้านบาท) ซึ่งแสดงให้เห็นถึง ‘การฟื้นตัวของความเชื่อมั่นในการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง’ โดยส่วนแบ่งตลาดของบิตคอยน์เพิ่มกลับมาที่ 57% อีกครั้ง ขณะเดียวกันแรงซื้อต่อเนื่องจากนักลงทุนสถาบัน เช่น สตราเทจี้ (Strategy), เมตาแพลนเน็ต (Metaplanet) ผ่านกองทุน ETF แบบสปอต ก็ยิ่งตอกย้ำถึง ‘ความแข็งแกร่งของสถานะบิตคอยน์ในตลาด’
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ยังต้องติดตามคือความเห็นจากเจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ประธานเฟด และข้อมูลสำคัญอย่าง ‘ดัชนีราคาการใช้จ่ายส่วนบุคคล(PCE)’ ซึ่งจะประกาศช่วงปลายสัปดาห์ หากตัวเลขนี้แสดงสัญญาณว่าเงินเฟ้อชะลอตัว ความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยรอบใหม่จะเพิ่มขึ้น และอาจนำไปสู่ ‘กระแสทุนไหลเข้าสู่ตลาดคริปโตอีกครั้ง’
ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า แม้บิตคอยน์ยังไม่เข้าสู่ ‘โซนที่เจ็บปวดที่สุดของตลาด’ แต่การปรับฐานในขณะนี้สามารถมองว่าเป็น ‘การเตรียมตัวสำหรับขาขึ้นรอบใหม่’ ได้ในเชิงกลยุทธ์ โดยคำแนะนำหลักยังคงเป็น ‘การซื้อแบบทยอยแบ่งซื้อ’ เพื่อรับมือกับความผันผวนที่ยังคงอยู่ในตลาดคริปโตในช่วงนี้
ความคิดเห็น 0