แม้ว่าตลาดคริปโตจะเผชิญกับความผันผวนจากการถูกชำระบัญชีจากการใช้เลเวอเรจในช่วงที่ผ่านมา แต่บรรดานักวิเคราะห์ยังคงแสดงมุมมองเชิงบวกว่าแรงซื้อที่นำโดย *บิตคอยน์(BTC)* จะกลับมาอีกครั้งในเดือนตุลาคม พร้อมคาดการณ์ว่ารอบขาขึ้นมีแนวโน้มเริ่มขึ้นอย่างจริงจังในช่วงปลายเดือน โดยเฉพาะการที่ชื่อ 'อัพโทเบอร์ (Uptober)' ถูกพูดถึงอีกครั้งนั้นสะท้อนความคาดหวังถึงการเร่งตัวของราคาจนถึงสิ้นปี
นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดังอย่าง 'คอลิน ทอล์คส์ คริปโต (Colin Talks Crypto)' แสดงความเห็นผ่าน X เมื่อวันที่ 22 ว่า “ขณะนี้เราอยู่ในจุดที่ *สำคัญมาก* และบิตคอยน์ใกล้จะเริ่มพุ่งขึ้นอีกครั้งเร็ว ๆ นี้” โดยเขาชี้ว่า บนกราฟของบิตคอยน์ปรากฏรูปแบบ 'หัวไหล่กลับ' หลายชุด ซึ่งมักบ่งชี้ถึงสัญญาณขาขึ้นที่แข็งแกร่ง พร้อมประเมินว่าอาจแตะระดับ *140,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.94 ล้านบาท)* ภายในสิ้นปีนี้
แม้ในสัปดาห์นี้ *ราคาบิตคอยน์จะร่วงลงไปใกล้ระดับ 4,000 ดอลลาร์* แต่ความคาดหวังต่อตลาดกระทิงยังไม่ถูกสั่นคลอน โดยในวันที่ 23 ราคาบิตคอยน์เริ่มฟื้นตัวบริเวณ *112,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.55 ล้านบาท)* ซึ่งลดลงจากจุดสูงสุดเมื่อต้นเดือนเพียงราว 9.5% ขณะที่มูลค่าตลาดรวมของคริปโตทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ *3.96 ล้านล้านดอลลาร์ (เกือบ 5,504 ล้านล้านบาท)* ลดลง 2% ในวันเดียว
นักวิเคราะห์จาก 'เอลิท คริปโต (Elite Crypto)' ระบุว่า แม้ราคาจะลดลง 3.5% ในสัปดาห์นี้ แต่หากเปรียบเทียบจากต้นเดือนกันยายน บิตคอยน์ยังคงสูงขึ้นราว 4% พร้อมชี้ว่าเดือนตุลาคมมักเป็นช่วงที่การปรับขึ้นราคาเริ่มต้นขึ้น โดยอ้างสถิติว่าอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ *21.89%* สำหรับเดือนนี้ พร้อมเสริมว่าในกรณีของอัล트คอยน์ หากเพิ่มขึ้นเพียง 10% ก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนระดับ "ไปดวงจันทร์" ได้เลย
ด้าน 'แลงเกอเรียส (LANGERIUS)' ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัปในสายเว็บ3 กล่าวถึงช่วง 'อัพโทเบอร์' ว่าเป็นตัวอย่างชัดเจนของสถานการณ์ที่ความอดทนมีชัยเหนือความกลัว พร้อมแนะนำให้นักลงทุนมองการณ์ไกล โดยย้ำว่าเวลาที่นักลงทุนส่วนใหญ่รู้สึกไม่มั่นคงและเริ่มตัดสินใจขาย อาจเป็นโอกาสเหมาะสำหรับสะสมเพิ่ม
ในอีกด้านหนึ่ง *ราคาอีเธอเรียม(ETH)* ลดลง 4% มาอยู่ใต้ระดับ *4,200 ดอลลาร์ (ประมาณ 583,000 บาท)* ซึ่งนับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ โดยตลาดอัลต์คอยน์ยังได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากการชำระบัญชีในตลาดอนุพันธ์ที่มีการใช้เลเวอเรจสูงในช่วงเวลาเดียวกัน
ผู้เชี่ยวชาญหลายรายเห็นพ้องกันว่าสถานการณ์ขณะนี้คือ “*การต่อสู้ของความอดทนระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย*” เนื่องจากข้อมูลเชิงเทคนิคและปริมาณการซื้อขายยังไม่แสดงสัญญาณถึงจุดสูงสุด โดยกลับชี้ให้เห็นว่าแนวโน้มรอบขาขึ้นอาจยืดเยื้อกว่าที่คาดไว้
*ความคิดเห็น*: ภาพรวมของตลาดในเวลานี้คือความไม่แน่นอนที่มากกว่าความหวัง แต่เสียงเรียกร้องที่ให้จับตาการกลับตัวของแนวโน้มเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ สะท้อนว่าความกลัวและความคาดหวังในตลาดยังเดินเคียงข้างกันอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0